หมวดหมู่น่าสนใจ

บทความล่าสุด

  • thumbnail

    ชุดพระเหรียญโชคลาภ ปี2558

    ชุดพระเหรียญโชคลาภ ปี2558, พระโชคลาภปี58, บูชาได้โชค ได้ลาภ ปี2558, วัดพลับ, คณะ5

  • thumbnail

    เหรียญพระสีวลี

    เหรียญพระสีวลี, เหรียญโลหะพระสีวลี, คณะ5 วัดราชสิทธาราม

  • thumbnail

    งานพุทธาภิเษก พระพุทธเมตตา วันที่ 14 ธันวาคม 2557

    งานพุทธาภิเษกพระพุทธเมตตา วันที่ 14 ธันวาคม 2557 ณ.คณะ5วัดราชสิทธาราม โดยพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี

  • thumbnail

    งานพุทธาภิเษก เหรียญพระสีวลี คณะ 5 วัดราชสิทธาราม

    งานพุทธาภิเษกเหรียญพระสีวลี วันที่ 29 พฤษจิกายน 2557 ณ.คณะ5วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ)

  • thumbnail

    เลือกของทำบุญอย่างไรให้เหมาะสม

    การทำบุญ เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมานานโดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น วันพระ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ทำบุญไปนั้นได้ใช้ประโยชน์มากน

  • พระญาณสังวร ( หลวงปู่บุญ )

    thumbnail

    เขียนเมื่อ 2014-09-30 14:32:35

    1120 ครั้ง


    พระญาณสังวร ( หลวงปู่บุญ )
     


     

                   พระญาณสังวร มีนามเดิมว่า บุญ เป็นชาวเมืองเพรชบุรี เกิดปีพระพุทธศักราช ๒๓๑๗ ในสมัยกรุงธนบุรี ประมาณปีพระพุทธศักราช ๒๓๓๒ ท่านมีอายุได้ ๑๕ ปี บิดามารดา นำท่านมาฝากอยู่กับป้า บ้านคลองบางกอกน้อย ธนบุรี ต่อมาคุณป้า นำท่านมาฝากบรรพชาเป็นสามเณร ในสำนักพระวินัยรักขิต (ฮั้น) ท่านได้เล่าเรียนอ่าน-เขียน หนังสือภาษาไทย หนังสือขอม กับพระอุปัชฌาย์ต่อมาท่านก็ได้ศึกษาเล่าเรียนพระกรรมฐานมัชฌิมา ในสำนักอุปัชฌาย์ด้วย ตอนเป็นสามเณร ท่านเคยตามพระอาจารย์ ออกไปรุกขมูลตามป่าเขาด้วย

                   ปีพระพุทธศักราช ๒๓๓๗ ท่านบรรพชา-อุปสมบท ณ. พัทธสีมา วัดราชสิทธาราม (พลับ) โดยมีพระญาณสังวร (สุก) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระพรหมมุนี (ชิต) ครั้งเป็นพระญาณวิสุทธิเถร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระวินัยรักขิต (ฮั่น) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ อุปสมบทแล้ว ศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ กับพระพรหมมุนี (ชิต)หรือท่านเจ้าคุณหอไตร และท่านได้ศึกษา กับพระวินัยธรรมกัน ครั้งเป็นพระใบฏีกาด้วยศึกษาพระปริยัติธรรมบาลีมูลกัจจายน์ กับพระวินัยรักขิต (ฮั่น).ออกพรรษาของทุกปีเที่ยวออกสัญจรจาริกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ กับพระสงฆ์ในวัดราชสิทธาราม เป็นประจำทุกปี

                   ประมาณปีพระพุทธศักราช. ๒๓๔๔ พรรษที่๗ เป็นพระปลัด ถานานุกรม ของพระวินัยรักขิต (ฮั่น) และเป็นพระอาจารย์ผู้ช่วยบอกพระกรรมฐานมัชฌิมาด้วยปีพระพุทธศักราช ๒๓๕๐ พรรษาที่ ๑๓ ในรัชกาลที่ ๑ เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูศีลสมาจารย์ พระครูวิปัสสนาธุระ พระคณาจารย์เอกปีพระพุทธศักราช ๒๓๘๖ ในรัชกาลที่ ๓ ณ.วันพุธ เดือน ๖ แรม ๑๑ ค่ำปีเถาะเป็นพระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระญาณสังวรเถร เจ้าคณะอรัญวาสี พระคณาจารย์เอก เมื่ออายุได้ประมาณ ๗๐ ปีเศษ เป็นปีที่ทรงสถาปนา สมเด็จพระสังฆราช(นาค)วัดราชบูรณะ พระญาณสังวรเถร (บุญ)ได้รับพระราชทานพร้อม กับพระญาณโกศลเถร (รุ่ง)รับนิตยภัต ๒ ตำลึงกึง พระราชทานพัดงาสานทำหน้าที่เป็นพระอาจารย์ใหญ่ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ของวัดราชสิทธาราม สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นที่เคารพนับถือ ของพระเจ้าแผ่นดินเจ้านายในพระราชวงศ์ และคณะสงฆ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย รวมทั้งบรรดาญาติโยมทั่วไป เพราะท่านเป็นผู้ทรงคุณธรรมสูง บรรลุคุณวิเศษในพระพุทธศาสนา

                   ปีพระพุทธศักราช ๒๓๘๗ ในรัชสมัยรัชกาลที่๓ พระญาณสังวรเถร (บุญ) ได้รับพระราชทาน นิตยภัต เพิ่มอีกเป็น ๓ ตำลึงต่อมาเพิ่มเป็น ๔ ตำลึงกึ่ง คนทั้งหลายในสมัยนั้นมักเรียกขานนามของท่านว่า พระอาจารย์บุญบ้าง หลวงปู่บุญบ้าง เนื่องจากท่านได้เป็นพระอาจารย์กรรมฐานมาตั้งแต่ ยังไม่ได้เป็นพระปลัด คนทั้งหลายจึงเรียกขานนามท่านจนติดปากว่า พระอาจารย์บุญบ้าง หลวงปู่บุญบ้างพระญาณสังวร (บุญ) ท่านจะหลีกเร้น ปลีกวิเวกเป็นเวลาเจ็ดวัน ทุกเดือน ณ กุฎิวิปัสสนาหลังเล็ก ในป่าช้าของวัด เป็นธรรมเนียมของพระสมถะวัดราชสิทธาราม ที่ถือเป็นวัตรปฏิบัติสืบกันมาทุกพระองค์

                   ปีพระพุทธศักราช ๒๓๘๘ ในรัชสมัยรัชกาลที่๓ สมเด็จพระสังฆราช (นาค)วัดราชบูรณะ ทุพพลภาพ พระญาณสังวรเถร (บุญ)นั่งหน้ากรมพระปรมานุชิตฯ องค์ทำหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช (นาค) พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๓ จึงได้พระราชทานเลื่อนสมณะศักดิ์พระญาณสังวรเถร (บุญ) เป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ ในราชทินนามเดิมที่ พระญาณสังวร มีสร้อยราชทินนามดังนี้สำเนา แต่งตั้งให้เลื่อนพระญาณสังวรเถรเป็น พระญาณสังวร สุนทรสังฆเถรา สัตตวิสุทธิ์จริยาปรินายก สปิฏกธรา มหาอุดมศีลอนันต์ อรัญวาสี สถิตวัดราชสิทธาวาสพระอารามหลวงมีถานานุกรม ๕ รูป พระครูปลัด ๑ พระครูวินัยธร ๑ พระครูวินัยธรรม ๑ พระครูสมุห์๑ พระครูใบฎีกา๑ได้รับพระราชทานนิตยภัตเพิ่มเป็น ๕ ตำลึง เป็นเจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี ตำแหน่งพระญาณสังวร สร้อยราชทินนามมีคำว่า ปรินายก สูงกว่าตำแหน่งพระพุฒาจารย์เดิม แทนพระพุฒาจารย์ (สนธิ์) เนื่องจากพระพุฒาจารย์ (สนธิ์) เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสีเดิม ทรงโปรดให้ยกขึ้นเป็นกิตติมาศักดิ์ คุมพระสงฆ์ฝ่ายวิปัสสนาธุระทั่วสังฆมณฑล รอบนอก

                   ปีที่พระญาณสังวรเถร (บุญ) เลื่อนขึ้นเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ที่ พระญาณสังวรนั้น พระญาณโกศลเถร (รุ่ง) ยังคงดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม (พลับ) อยู่แต่พระญาณสังวร (บุญ) ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี ควบคุมพระสงฆ์วิปัสสนาธุระ ในกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะยุคนั้นเวลานั้นวัดราชสิทธาราม (พลับ)เป็นศูนย์กลาง การศึกษาพระกรรมฐานประจำกรุงรัตนโกสินทร์พระสงฆ์วิปัสสนาธุระทั้งสังฆมลฑล ต้องมาศึกษาพระกรรมฐาน ณ วัดราชสิทธาราม (พลับ)อันเป็นศูนย์กลางพระกรรมฐานประจำกรุงรัตนโกสินทร์วัดราชสิทธาราม (พลับ) เป็นศูนย์กลางพระกรรมฐานประจำกรุงรัตน์โกสินทร์มาจนถึงประมาณปีพระพุทธศักราช ๒๔๘๐จึงหมดสภาพความเป็นศูนย์กลางพระกรรมฐาน ของกรุงรัตนโกสินทร์ หลังจากปีพระพุทธศักราช ๒๔๘๐ ก็เกิดสำนักพระกรรมฐานขึ้นมากมาย

                   ในกรุงรัตนโกสินทร์ ต่างตั้งแบบแผนการศึกษาพระกรรมฐานขึ้นมาเป็นของตัวเอง ประจำสำนักต่างๆ โดยไม่รักษาแบบแผนการปฏิบัติพระกรรมฐานมัชฌิมาอันมีแต่ดั่งเดิม แต่ครั้งโบราณกาลมาตำแหน่งพระญาณสังวร เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี เมื่อมรณะภาพเข้าโกศ เนื่องจากเวลานั้นพระญาณสังวร (บุญ) เป็นพระมหาเถรรัตตัญญู ผู้มีพรรษายุกาลมากกว่าพระสงฆ์ราชาคณะผู้ใหญ่ทั้งปวงในเวลานั้น เนื่องจากสมเด็จพระสังฆราช (นาด) วัดราชบูรณะ ทุพพลภาพ  กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ศิษย์สมเด็จพระสังฆราช ไก่เถื่อน ประสูติพ.ศ.๒๓๓๓พระญาณสังวร (บุญ) เกิด พ.ศ. ๒๓๑๗ อายุพรรษามากกว่าถึง ๑๖ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๓ พระราชทานพัดแฉกทรงพุ่มข้าวบิณฑ์หรือพัดใบสาเก ตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี สำหรับใช้นั่งเป็นประธานสงฆ์ เมื่อมีกิจนิมนต์ในพระบรมมหาราชวังพระญาณสังวร (บุญ) นั่งหน้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรสองค์ทำหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชปีพระพุทธศักราช ๒๓๙๕ สมัยต้นรัชกาลที่ ๔พระญาณสังวร (บุญ) รักษาการเจ้าอาวาส ต่อมาเป็นเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม ท่านเป็นอยู่ประมาณ ๒ ปี ถึงปีพระพุทธศักราช ๒๓๙๗ ก็ถึงแก่มรณภาพ ศิษย์สำคัญของพระญาณสังวร (บุญ)คือ สมเด็จพระวันรัตน (แดง) ท่านมาศึกษาแต่ครั้งยังเป็นพระมหาแดงการศึกษาในสมัย พระญาณสังวร (บุญ) ครองวัดราชสิทธาราม (พลับ) ฝ่ายวิปัสสนาธุระ พระญาณสังวร (บุญ) เป็นพระอาจารย์ใหญ่พระอาจารย์ผู้ช่วยคือ พระญาณโยคาภิรัติเถร (มี) ๑ พระครูศีลสมาจารย์(เมฆ) ๑ ฯการศึกษาด้าน พระปริยัติบาลีมูลกัจจายน์พระอมรเมธาจารย์ (ทัด) เป็นพระอาจารย์ใหญ่ พระสุธรรมธีรคุณ (เกิด) ๑ พระมหาเกด ๑ เป็นพระอาจารย์ผู้ช่วยปีพระพุทธศักราช๒๓๙๗ ท่านอาพาธด้วยโรคชรา มรณะภาพลงเมื่อสิริรวมอายุได้ ๘๐ ปีเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้พระราชทานโกศเจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี ให้ตามตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี แต่เอาโกศตั้งไว้ข้างหน้าฉากสรีระของท่านใส่หีบทองทึบไว้ด้านหลังฉากสรีระสังขารของท่าน คณะศิษยานุศิษย์เก็บไว้บำเพ็ญกุศลนานประมาณสามปีและนับเป็นสมัยสุดท้าย เมื่อสิ้นพระญาณสังวร (บุญ) แล้วตำแหน่งพระญาณสังวร ตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี อาวุโสทางพรรษานั่งหน้า ผู้มีสมณะศักดิ์สูง ก็ทรงยกเลิกทั้งหมดในรัชกาลที่ ๔นี้เอง ทรงจัดการตั้งระเบียบแบบแผน ของคณะสงฆ์ใหม่ถึงคราวพระราชทานเพลิงสรีระสังขารพระญาณสังวร (บุญ) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวรัชกาลที่ ๔ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ ทำเมรุพิเศษด้วยโคลงไม้ ขึงด้วยผ้าขาว ตามแบบประเพณีเดิม ณ.วัดราชสิทธาราม ประดับด้วยกระดาษทองกระดาษเงิน ตัดฉลุ ทำเป็นลวดลายวิจิตร ประดับพวงดอกไม้หอมต่างๆ แต่การประดับประดานั้นยังน้อยกว่าครั้ง งานพระราชทานเพลิงศพ พระญาณสังวร (ด้วง)ใกล้เวลาพระราชทานเพลิงศพมี พระสงฆ์มากมาย มานั่งล้อมรอบเมรุหลายชั้นคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย เมื่อถึงเวลาพระราชทานเพลิงศพเสด็จพระราชดำเนินมาประราชทานเพลิงสรีระสังขารท่านสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ การพระราชทานเพลิงนั้นอยู่

                   ประมาณปีพระพุทธศักราช ๒๔๐๐พระญาณสังวร (ด้วง) พระญาณสังวร (บุญ) ได้เป็นพระอาจารย์กรรมฐานของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯเจ้าอยู่หัวครั้งทรงผนวช และเสด็จพระราชดำเนินไปมาระหว่าง วัดพลับ กับวัดสมอลายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงสรรเสริญไว้เมื่อได้ทรงพระราชนิพนธ์ ถึงการทรงศึกษาพระกรรมฐาน ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ว่า.ได้ทรงประทับศึกษาอาจารย์สมัยในสำนักวัดสมอลาย ทรงทราบเสร็จสิ้นจนสุดทางที่จะศึกษาต่อไปอีกได้จึงได้ย้ายไปประทับอยู่ ณ. วัดพลับ (ตรงกับสมัย พระญาณ สังวร(ด้วง)ครองวัดพลับ พระญาณสังวร (บุญ) เป็นพระราชาคณะพ.ศ.๒๓๘๖ ครองวัด พลับ พ.ศ. ๒๓๙๓) ันเป็นแหล่งสำคัญเชี่ยวชาญในการ วิปัสสนาธุระ อีกแห่งหนึ่ง ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) ได้ทรงผนวชที่นั้น แต่หาได้เสด็จ ประทับประจำอยู่เสมอไม่ เสด็จไปอยู่วัดราชสิทธิ์บ้าง เสด็จกลับมาประทับอยู่วัดสมอรายบ้าง

                   สมเด็จพระเจ้าบรมวงเธอ กรมดำรงราชานุภาพ ได้ทรงนิพนธ์ไว้ว่า (เรื่องประวัติวัดมหาธาตุ ๒๔๖๑) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงผนวชแล้วเสด็จไปประทับอยู่ ณ. วัดสมอลาย ๑ ปี ทรงศึกษาวิธีสมถะภาวนา ทั้งที่ในสำนักวัดสมอรายและเสด็จไปศึกษาที่สำนักวัดราชสิทธิ์ ทรงทราบตลอดลิทธิอาจารย์ทั้งสองแห่งนั้น ต่อมาปีพระพุทธศักราช ๒๓๙๗ เดือน ๘ ปีขาลหลังจากเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้ว ๓ ปี หลังพระราชทานเพลิงสรีระสังขารของ พระญาณสังวร (บุญ) แล้ว จึงทรงสร้างพระเจดีย์คลอบพระเจดีย์องค์เดิมด้านทิศใต้ ของพระบรมเชษฐาธิราช เพื่อบรรจุอัฏฐิธาตุ อังคารธาตุ ของพระปิฏกโกศล (แก้ว) พระญาณโกศลเถร(รุ่ง ) พระญาณสังวร (ด้วง) พระญาณสังวร (บุญ) และเป็นสำคัญว่า เคยเสด็จมาประทับศึกษา ณ. สำนักอาจารย์เดียวกัน จึงทรง สร้างพระสิรจุมภฏะเจดีย์ ไว้เป็นคู่กันกับ พระสิราศนเจดีย์ ที่ทรงพระราชอุทิศถวาย สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓

     

    เเสดงความคิดเห็น

    บทความที่เกี่ยวข้อง

    พระธรรมรัตนวิสุทธิ์ (หลวงปู่พลาย...

    พระธรรมรัตนวิสุทธิ์ มีนามเดิมว่า พลายงาม นามสกุล บุญชัย เกิดวันอังคาร ขึ้น๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีระกา ตรงกับวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๖

    พระราชสังวรวิสุทธิ์ (หลวงปู่บุญเ...

    พระราชสังวรวิสุทธิ์ มีนามเดิมว่า บุญเลิศ นามสกุล ปรักมสิทธิ์ เกิดวันจันทร์ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๒ ปีมะแม ตรงกับวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ บิดาชื่อบุญเรื่อ

    พระราชวิสุทธิญาณ (หลวงปู่อยู่)

    พระราชวิสุทธิญาณ มีนามเดิมว่า อยู่ บิดาชื่อมี มารดาชื่อแย้ม นามสกุลคุ้มบุญมี เกิดเมื่อ วันพฤหัสบดี ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๘ ปีชวด ตรงกับวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ

    thumbnail
    พระสังวรานุวงศ์ ( หลวงปู่สอน )

    พระสังวรานุวงศ์ มีนามเดิมว่า สอน ชาติภูมิ อยู่หลังวัดสังข์จาย ตำบลท่าพระอำเภอบางกอกใหญ่ จังหวัดธนบุรี บิดาชื่อเอี่ยม มารดาชื่อบัว เกิดเมื่อวันอาทิตย์