28 ต.ค. 57 มีการประชุมที่ ม.ธรรมศาสตร์ และถกกันถึงประเด็น กะเทย บวชพระได้หรือไม่ ? ซึ่งนักวิชาการด้านพุทธศาสนาระบุ ศาสนาพุทธไม่ควรกีดกันกะเทยออกจากศาสนา ย้ำ หากไม่ให้กะเทยบวช อาจถือเป็นการแบ่งแยกชนชั้นทางเพศ ด้านผู้เชี่ยวชาญการเกณฑ์ทหาร ระบุ กองทัพไม่มีนโยบายปิดกั้นความหลากหลายทางเพศ
ซึ่งแน่นอนว่ามีการต่อต้านความเห็นนี้ทันที โดยระบุว่าบทบัญญัติก็มีการห้ามบัณเฑาะว์อุปสมบทพระภิกษุ ถือเป็นการทำลายล้างพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าท่านก็บัญญัติพระธรรมวินัยไว้แล้ว ก็ให้เป็นไปตามนั้น ขนาดการบวชภิกษุณียุคนี้ยังทำไม่ได้เลยเพราะขัดวินัย แล้วจะให้กะเทยบวชเป็นพระทำไม อยากเห็นพระสงฆ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของการพ้นทุกข์หรือเป็นสัญญลักษณ์พวกรักร่วมเพศ การเข้าถึงรสพระธรรมนั้นไม่จำเป็นต้องบวชพระหรอก ยิ่งปัญหาต่างๆ ในวัดที่ปรากฎตามข่าว ส่วนหนึ่งก็เพราะมีพระเณรกะเทยในวัด
เรื่องนี้คงละเอียดอ่อน หลังจากที่เจ้าของข่าวอย่างว๊อยส์ทีวีนำเสนอเรื่องนี้ คงมีกระแสรุนแรงทำให้มีการลบข่าวไปแล้ว Page not found
"พระแจ๊ส" อดีตมิสทิฟฟานี่ปี 2009
กราบขออนุญาตนำเรื่องของพระคุณเจ้ามายกให้สังคมรับรู้ว่า ท่านตัดสินใจบอกลาทางโลก ห่มผ้าเหลืองเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ โดยเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดเลียบ เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 12 พ.ค. 2557 ที่ผ่านมา และได้รับฉายาว่า “พระมหาวิริโยภิกขุ” ซึ่งหมายถึง ผู้มีความเพียรยิ่ง
พระอตุวาทีภิกขุ เจ้าอาวาสวัดเลียบ กล่าวยืนยันอย่างหนักแน่นว่า นายสรวีย์ นัดที หรือ “แจ๊ส” ได้เข้าพิธีอุปสมบทแล้ว ซึ่งการเข้าอุปสมบทนี้ไม่ขัดกับหลักของพระพุทธศาสนา ทั้งสภาพจิตใจ และร่างกาย เป็นผู้ชายเต็มตัว และมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะอุปสมบท
“หลังจากที่พระแจ๊สมาติดต่อขออุปสมบทได้ให้คำขอบวชไปท่อง ซึ่งปรากฏว่า พระแจ๊สท่องได้อย่างขึ้นใจ ที่สำคัญจากการตรวจร่างกาย และจิตใจก็เป็นผู้ชายปกติ ไม่มีลักษณะของเพศที่สามเหลืออยู่ และเป็นคนค่อนข้างเงียบ นิสัยเรียบร้อย โดยได้นำซิลิโคนออกจากหน้าอกแล้ว จึงได้ทำพิธีอุปสมบทให้”
ตั้งใจบวชไปนานแค่ไหน?
พระมหาวิริโยภิกขุ : ใช้คำว่าบวชไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิตก็ได้ เพราะอาจจะตายพรุ่งนี้ พระตั้งใจไปในผ้าเหลืองเพราะอุ่นดี นอนห่มผ้าเหลืองทุกคืนอุ่น คำว่าบวชตลอดชีวิตมันไม่ใช่แค่บวช 60 ปี 70 ปี แต่มันคือพร้อมตายทุกเมื่อ อีก 2 ชั่วโมงพระอาจจะตายก็ได้ นั่นแหละคือตลอดชีวิตของพระ
ทุกคนมีธรรมะเหมือนกันหมด ง่ายที่สุดเลยก็คือ อานาปานัสสติ กำหนดลมหายใจเข้าออก ดับทุกอย่างได้ พระพุทธเจ้าบอกว่านี่แหละคือที่อยู่จำพรรษาของพระพุทธเจ้าตลอดกาล มีพระวจนะของพระพุทธเจ้าบอกไว้ด้วยว่า ใครมาถามว่าท่านอยู่ที่ไหน ท่านบอกว่าอยู่กับลมหายใจ ตัวจริงต้องอยู่กับลมหายใจ ตอนนี้มันต้องมีสติรู้ หายใจเข้ายาวมีสติรู้ชัด หายใจเข้าสั้นมีสติรู้ชัด มันสุขตลอด
“พระได้ศึกษาธรรมะบทหนึ่ง กล่าวว่า 2 อย่างง่ายๆ เลยที่เราต้องทำ คือ เจริญอานาปานัสสติ ภิกษุไปแล้วสู่ป่า หรือโคนไม้ หรือเรือนว่าง คู้ขาเข้ามาโดยรอบ ตั้งกายตรง ดำรงสติ หายใจเข้ายาว มีสติรู้ชัดหายใจเข้ายาว หายใจออกยาว มีสติรู้ชัดหายใจออกยาว หายใจเข้าสั้น มีสติรู้ชัดหายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้น มีสติรู้ชัดหายใจออกสั้น นั่นก็คืออยู่กับลมหายใจ ลมหายใจเรามีค่าที่สุด”
ก่อนจะยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ถ้ามีคนเดินหิ้วกระเป๋าบรรจุเงินร้อยล้าน แล้วมาบอกโยมว่าขอซื้อหน่อยเถอะ เอาเงินร้อยล้านซื้อลมหายใจ แล้วโยมก็เป็นแค่กายเปล่าๆ ไม่มีลมหายใจ ไม่มีชีวิต เอามั้ย? เงินมีแต่ตายไปก็ไม่ได้ใช้ ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องอยู่กับลมหายใจ อยู่กับปัจจุบัน
“โยมมาขอโทษพระเมื่อกี้ บอกว่าที่ทำข่าวออกไปมีผลกระทบ ต้องขอโทษด้วย พระบอกแล้วว่าอย่าติดใจในอดีต อดีตช่างมัน พระก็มีอดีต ทิ้งให้หมด เราอยู่ตอนนี้อยู่กับปัจจุบัน ลมหายใจเรามีค่าสุดๆ คนสำคัญคือ คนที่อยู่ตรงหน้าเรา โยมคือคนสำคัญของพระ เพราะเรากำลังมีสติพูดคุยกัน ต้องให้ความสำคัญกับอันนี้ ส่วนผลกระทบว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์จะออกมาแค่ไหน ตรงนี้พระอ่านเจอชอบมาก...” พระแจ๊สยิ้มรับเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงผลกระทบ ก่อนจะเปิดตำราที่น่าจะผ่านการอ่านมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง มีที่คั่นหนังสือหลากสีติดอยู่เกือบทั่วทั้งเล่ม
จากพระไตรปิฎกบาลี 25/25/16 ผู้ชี้ขุมทรัพย์ :
“อานนท์... พวกช่างหม้อย่อมไม่พยายามทำกับหม้อที่ยังเปียก ยังดิบอยู่ อย่างทะนุถนอม ฉันใด เราย่อมไม่พยายามทำกับพวกเธออย่างทะนุถนอมฉันนั้น
อานนท์... เราจะขนาบแล้วขนาบอีกเหมือนช่างปั้นหม้อ (ขนาบเข้าไป บีบเข้าไป) ขนาบแล้วขนาบอีกไม่มีหยุด
อานนท์... เราจะชี้โทษแล้ว ชี้โทษอีก
ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจะทนอยู่ได้”
“ท่านอุปมาการปั้นหม้อเหมือนการชี้โทษ ถ้าผิดก็ชี้ว่าผิด ผิด ผิด ไม่มีชื่นชมให้หลง ให้เห็นในผิด นั่นหมายความว่า ใครจะตำหนิอะไร พูดอะไร โทษอะไร ผู้นั้นแหละชี้ขุมทรัพย์เราแล้ว ยิ่งหาข้อผิดในตัวเรา นั่นแหละเป็นการให้คุณแก่เราแล้ว เพราะถ้าเรามองไม่เห็นผิดเป็นโทษในตนเอง เราจะมองไม่เห็นทางที่สว่างเลย”
พระมหาวิริโยภิกขุ หรือพระแจ๊ส อดีตมิสทิฟฟานี ยูนิเวิร์ส 2009 สรุปทิ้งท้ายแทนการตอบคำถามเกี่ยวกับผลกระทบที่สังคมพากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
การกระทำในปัจจุบันด้านดี หรือกรรมดีนั้น อาจจะไม่สามารถลบล้างกรรมชั่ว/ บาปในอดีตได้ แต่เราควรพิจารณาปัจจุบันหรืออดีต หรืออนาคตล่ะ ในเมื่อองค์สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนให้เราสนใจกับปัจจุบันขณะมากกว่าเรื่องอื่น
ที่มา: http://drama-addict.com/2014/10/29/หากกระเทยบวชพระ/
http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9560000059015
http://www.xn--12c1bpgqvg4fvbm6mg5hk.com/กะเทย-บวชพระได้หรือไม่/
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=775122572558117&set=a.569861573084219.1073741837.100001811458468&type=1&theater