หมวดหมู่น่าสนใจ

บทความล่าสุด

  • thumbnail

    ชุดพระเหรียญโชคลาภ ปี2558

    ชุดพระเหรียญโชคลาภ ปี2558, พระโชคลาภปี58, บูชาได้โชค ได้ลาภ ปี2558, วัดพลับ, คณะ5

  • thumbnail

    เหรียญพระสีวลี

    เหรียญพระสีวลี, เหรียญโลหะพระสีวลี, คณะ5 วัดราชสิทธาราม

  • thumbnail

    งานพุทธาภิเษก พระพุทธเมตตา วันที่ 14 ธันวาคม 2557

    งานพุทธาภิเษกพระพุทธเมตตา วันที่ 14 ธันวาคม 2557 ณ.คณะ5วัดราชสิทธาราม โดยพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี

  • thumbnail

    งานพุทธาภิเษก เหรียญพระสีวลี คณะ 5 วัดราชสิทธาราม

    งานพุทธาภิเษกเหรียญพระสีวลี วันที่ 29 พฤษจิกายน 2557 ณ.คณะ5วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ)

  • thumbnail

    เลือกของทำบุญอย่างไรให้เหมาะสม

    การทำบุญ เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมานานโดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น วันพระ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ทำบุญไปนั้นได้ใช้ประโยชน์มากน

  • นิทานชาดก พระสุมนปัจกพุทธ

    thumbnail

    เขียนเมื่อ 2014-11-14 15:42:32

    6380 ครั้ง


    นิทานชาดก "พระสุมนปัจกพุทธ"

                มีชายยากจนเข็ญใจคนหนึ่ง มีอาชีพขายดอกไม้ให้แก่สำนักพระราชวังแห่งกรุงราชคฤห์มหานคร โดยมีสัญญาผูกพันว่า เขาจะต้องส่งดอกมะลิ ๘ ทะนาน ให้แก่สำนักพระราชวังแต่เช้าตรู่โดยคิดเป็นมูลค่าทะนานละ ๑ กหาปณะ เป็นประจำทุกวัน จักขาดเสียมิได้ ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ทั้งสิ้น เขาได้อาศัยอาชีพขายดอกไม้นี้เลี้ยงดูบุตรและภรรยา ให้ได้รับความสุขตามอัตภาพนี้เรื่อยมา เช้าวันหนึ่งขณะที่เดินทางออกจากบ้านเพื่อนำเอาดอกมะลิไปส่งสำนักพระราชวังตามปกตินั้น พอย่างเท้าเข้าเขตพระบรมมหาราชวังก็พลันได้พบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งแวดล้อมไปด้วยหมู่พระอริยสงฆ์สาวกเป็นจำนวนมาก กำลังเสด็จโคจรบิณฑบาตอยู่ด้วยพุทธลีลาอันงามเลิศเพริศแพร้วด้วยฉัพพัณณรังสีเข้าพอดี ตามธรรมดานั้นองค์พระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านย่อมทรงปกปิดพระฉัพพัณณรังสีอันซ่านออกจากพระวรกาย ไม่มีพุทธประสงค์จักให้ใครเห็น ทรงแสดงองค์เหมือนพระภิกษุธรรมดารูปหนึ่ง ซึ่งมีปกติบิณฑบาตเป็นวัตร แต่ในบางคราว พระองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งพระรัศมีย่อมทรงเปล่งฉัพพลัณณรังสีให้ซ่านออกจากพระวรกายงามเพริศพริ้งพรรณรายสุดพรรณนา ดุจในคราที่เสด็จไปสู่กรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อโปรดพระญาติทั้งหลาย และในเช้าวันนี้ก็เช่นกัน พระองค์ทรงเปล่งฉัพณณรังสีแผ่ซ่านอยู่ท่ามกลางเหล่าอริยสงฆ์หมู่ใหญ่เพื่อเสด็จเข้าไปบิณฑบาตในพระนครราชคฤห์ ด้วยพุทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ 

                เมื่อชายขายดอกไม้ได้ยลโฉมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันงามบริสุทธิ์แพรวพราวด้วยรัศมีประกอบด้วยลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ และด้วยพระอสีตยานุพยัญชนะ ๘๐ ประการเช่นนั้น ก็พลันงงแลตะลึงครุ่นคิดคำนึงอยู่ว่า 

                "เราจักทำการบูชาพระพุทธองค์ด้วยอะไรดีหนอ จึงจักสมกับความเลื่อมใสอันเกิดขึ้นมากมายแก่เราในบัดนี้" เมื่อไม่เห็นสิ่งใดที่จะพึงหยิบฉวยเอาในขณะนั้นได้ทันเวลา จึงตัดสินใจว่า 

                "เราจักทำการบูชาพระพุทธองค์ด้วยดอกมะลิที่เราถืออยู่ในมือนี้ ถูกแล้ว! ดอกไม้เหล่านี้ เป็นดอกไม้ที่เรามีสัญญาผูกพันต้องส่งให้สำนักพระราชวัง เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าถวายสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นประจำทุกวัน จะขาดเสียไม่ได้ และหากทรงไม่ได้ดอกไม้เหล่านี้ จักทรงพระพิโรธโกรธเคือง แล้วจักมีพระราชดำรัสสั่งให้ขังเราไว้ในคุก หรืออาจสั่งให้ประหารชีวิตเราเสียหรืออาจจักให้เนรเทศเราเสียก็เป็นได้ สุดแล้วก็ตามแต่เวรกรรมของเราเถิด เราเกิดความเลื่อมใสขึ้นในดวงใจแล้ว จักต้องถวายดอกไม้เหล่านี้เพื่อเป็นพุทธบูชาให้ได้ คงจักมีอานิสงส์แก่เรามากมายเพราะแม้เราเอาดอกไม้ที่เรามีอยู่เพียงเท่านี้ไปให้แก่สำนักพระราชวัง อย่างดีก็คงได้ทรัพย์เพียงเล็กน้อยสำหรับเลี้ยงชีวิตในชาตินี้เท่านั้น แต่การที่เราจักถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชาในครานี้ย่อมจะเกิดประโยชน์โสตถิผล อำนวยความสุขความเจริญแก่เราเป็นเวลานาน ประมาณหลายแสนโกฏิกัปนัก เป็นไรเป็นกัน เราจักถวายบุปผทาน แด่องค์อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในกาลบัดนี้!" 

                เมื่อคิดสละชีวิตเพื่อจักถวายบุปผทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นนี้เล้ว ก็มีจิตผ่องแผ้วโสมนัส เกิดปีติซึมซาบเอิบอาบใจขึ้นเป็นทับทวี แล้วก็เริ่มถวายบุปผทานเพื่อเป็นการบูชาพระพุทธองค์ 

                ชายเข็ญใจน้อมกายถวายนมัสการเฉพาะพระพักตร์แล้ว จึงซัดดอกมะลิ ๒ ทะนาน ขึ้นไปในอากาศเบื้องบนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว บัดนั้น เกิดอัศจรรย์ขึ้นทันใด บรรดาดอกมะลิทั้งหลายเหล่านั้น ได้พากันคลี่คลายขยายกลีบบานสะพรั่งแล้วเรียงรายขยายแถวเสมอกัน เป็นเพดานกั้นอยู่บนอากาศเบื้องพระเศียรแห่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยมิได้ล่วงหล่นลงมายังพื้นพสุธาเหมือนดั่งดอกไม้ธรรมดาที่บุคคลขว้างปาทั่วไปไม่ เมื่อเขาได้เห็นความอัศจรรย์ดังนั้น ก็ซัดดอกมะลิเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาไปอีก ๒ ทะนาน ดอกไม้เหล่านั้นลอยขึ้นไปในอากาศตามกำลังโยนซัดแล้ว ก็ค่อยๆ ขยายกลีบบานและลอยลงมา เรียงแถวประดิษฐานอยู่ ณ ข้างพระหัตถ์เบื้องขวาแห่งสมเด็จพระพุทธองค์อีกเช่นกัน เขาจึงซัดดอกไม้เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอีก ๒ ทะนาน ดอกไม้เหล่านั้นก็พลันลอยขึ้นไปในอากาศ แล้วค่อยๆ ขยายกลีบบานสะพรั่งและลอยลงมาเรียงแถวประดิษฐานอยู่ข้างหลังพระพุทธองค์ และเมื่อเขาซัดดอกมะลิไปเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเป็นครั้งสุดท้ายอีก ๒ ทะนาน ดอกมะลิเหล่านั้นก็ขยายกลีบคลี่บานสะพรั่ง ลอยขึ้นไปในอากาศตามกำลังซัดและลอยต่ำลงมาเรียงแถวประดิษฐาน ณ ข้างพระหัตถ์เบื้องซ้ายแห่งองค์พระชินสีห์ และลอยอยู่อย่างนั้นเป็นระเบียบด้วยดี หาได้หล่นลงสู่พื้นปฐพีไม่ และเมื่อพระองค์เสด็จพุทธดำเนินไปที่ใดดอกมะลิเหล่านั้นก็ห้อมล้อมลอยตามไปด้วย เมื่อพระองค์หยุดดอกไม้ก็หยุดตาม ความงามแห่งพุทธลีลาเมื่อโคจรบิณฑบาตในเช้านี้ เป็นทัศนียภาพอันนำมาซึ่งความเลื่อมใสศรัทธาแห่งประชาชนผู้ได้พบเห็น ทั้งยังทรงเปล่งพระฉัพพัณณรังสีออกซ่านทั่วพระวรกายยังความอัศจรรย์ใจแก่ประชาชนทั้งหลายเป็นยิ่งนัก 

                ฝ่ายนายมาลาการผู้เข็ญใจ ผู้ถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชาสำเร็จเป็นทิฏฐธัมมเวทนียกรรมฝ่ายกุศลแล้ว ก็มีจิตผ่องแผ้วปีติยิ่งกว่าผู้อื่น เดินน้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้มใจตามสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าไปอย่างไม่รู้ตัว พอได้สตินึกขึ้นได้ว่าตนลืมกระเช้าดอกไม้ไว้ก็รีบวิ่งกลับมาถือเอากระเช้าเปล่ากลับไปบ้านตน เมื่อถูกภรรยาถามว่า 

                "ข้าแต่สามี! เหตุไฉนวันนี้ท่านจึงกลับมาเร็วเหลือเกินไม่เหมือนวันก่อนๆ ท่านเอาดอกไม้ไปส่งสำนักพระราชวังเรียบร้อยแล้วหรือประการใด?" จึงตอบขึ้นด้วยความภาคภูมิใจว่า 

                "ดูกรภรรยาที่รัก! วันนี้เราไม่ได้ไปส่งดอกไม้ยังพระราชวังดังเคย เพราะเราเกิดความเลื่อมใสจึงได้ถวายดอกมะลิเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนหมดสิ้นจนไม่มีเหลือแม้แต่ดอกเดียว" 

                "อ้าว! แล้วกัน ทำไมทำเช่นนั้นเล่า เจ้าก็รู้อยู่ว่าจักต้องมีความผิด เพราะเรามีสัญญาว่าจะต้องมีดอกไม้ส่งถวายพระราชาทุกวันเป็นประจำ หากเป็นเช่นนี้จักต้องได้รับโทษประหารชีวิตอาจต้องถึงคอขาด ๗ ชั่วโค-ต-ร ก็เป็นได้" 

                "ผิดก็ผิดๆ ไป! จะทำอย่างไรได้เล่า เพราะเราเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหลือเกินจึงได้ถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชา เมื่อในหลวงไม่ได้รับดอกไม้จากเราแล้ว จักทรงพิโรธรับสั่งให้เรารับโทษอย่างรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิตเราก็ยอม! นี่แน่ะ! ดอกไม้ที่เราถวายแด่องค์พระชินสีห์ผู้เป็นองค์อรหันต์ มีอาการประหลาดน่าอัศจรรย์ ผู้คนได้พบเห็นต่างก็แซ่ซ้องก้องเป็นที่โกลาหลด้วยความปีติยินดีเจ้าไม่ได้ยินบ้างหรือ? ขอเจ้าจงยังจิตให้ปสันนาการเลื่อมใสในทานร่วมกันกับเราด้วยเถิด" 

                ภรรยาของนายมาลาการผู้มีสันดานอันธพาลหาได้ยินดีด้วยไม่ กลับออกเสียงด่าลั่นตวาดว่า 

                "ร่วมยินดีกับเจ้าให้ข้าคอขาดด้วยนะซี่ ใครจะไปยอมร่วมด้วย เจ้าโง่! เจ้าจงรอความตายอยู่คนเดียวเถิดเจ้างั่ง! คนไม่มีเงาหัวเอ๋ย เรายังไม่อยากตายและจะไม่ยอมตายกับเจ้าในครั้งนี้เป็นอันขาด" 

                ว่าแล้วก็รีบเก็บข้าวของเสื้อผ้าอันเป็นสมบัติแห่งตนจนหมดสิ้น ด้วยความประสงค์ว่าจะไปแจ้งความแก่พระราชาให้ทรงทราบไว้ก่อนว่า ตนหย่าขาดมิได้เกี่ยวข้องเป็นภรรยาแห่งสามีผู้หน้าโง่ผู้จักต้องเป็นนักโทษประหารในอนาคตแล้ว ครั้นไปถึงราชสำนักและเมื่อถูกพระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นพระราชาซักถามก็กราบบังคมทูลว่า 

                "ข้าแต่องค์ราชา สามีของหม่อมฉันซึ่งมีหน้าที่ต้องเอาดอกไม้มาส่งยังพระราชสำนักเป็นประจำทุกวัน เช้าตรู่วันนี้ เขามีจิตโมหันธ์บ้าศรัทธาเอาดอกไม้สำหรับทูลเกล้าถวาย ไปทำการบูชาพระศาสดาสมณโคดมเสียจนหมดสิ้น ไม่สามารถที่จะหาดอกไม้ที่ไหนมาทูลเกล้าถวายพระองค์ได้อีก หม่อมฉันมีความเสียใจและเกรงต่อราชภัยจึงได้ด่าว่าเขาอย่างหนัก แต่เขากับตอบว่า ขอยอมตายแม้จักต้องราชภัยก็ตามเพียงขอให้เขาได้ถวายดอกไม้เพื่อเป็นพุทธบูชา แด่องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นก็พอใจแล้ว ฉะนั้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การกระทำของเขาไม่ว่าจะเป็นการกระทำดีหรือชั่วก็ตาม ก็ขอจงเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเถิด หม่อมฉันไม่ยอมรับผิดชอบด้วย ขอพระองค์จงรับทราบด้วยเถิด หม่อมฉันกับสามีได้หย่าขาดจากกันแล้ว"

                อันสมเด็จพระเจ้าพิมพิสารราชาธิบดี ซึ่งเป็นพระบรมมหากษัตริย์แห่งกรุงราชคฤห์มหานครนี้ พระองค์ทรงได้บรรลุพระโสดาปัตติผล สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลขั้นพระโสดาบันในพระบวรพุทธศาสนาตั้งแต่ครั้งที่พระองค์ได้พบเห็นและสดับฟังพระธรรมเทศนาของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงมีจิตเลื่อมใสคงมั่นในพระรัตนตรัยอย่างไม่หวั่นไหวสั่นคลอน ยิ่งกว่าปุถุชนคนธรรมดาสามัญ เมื่อสดับฟังคำกราบบังคมทูลของหญิงผู้เข็ญใจไร้ปัญญาเช่นนั้น ก็พลันเกิดความสังเวชสลดพระทัยเป็นยิ่งนักด้วยว่า นายมาลาการผู้ยากเข็ญอุตส่าห์ประกอบกรรมดีอันเป็นมหากุศล โดยได้ถวายบุปผทานแด่องค์สมเด็จพระทศพลเป็นอัศจรรย์ปานนี้ แทนที่จะยินดีอนุโมทนากลับเห็นว่าเป็นโทษเป็นผิด เพราะคิดเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัวมากไป อีกนานสักเท่าใดหนอ สันดานของหญิงนี้จึงจักดีขึ้น ทรงสังเวชพระทัยแล้วแกล้งทำเป็นอากัปกิริยาดั่งว่าโกรธเคือง แล้วตรัสถามด้วยสุรเสียงอันดังว่า

                "ไฉน! สามีเจ้าจึงทำเช่นนั้น ดีแล้วเจ้าทอดทิ้งไม่เกี่ยวข้องกับคนเช่นนี้เป็นการดีแล้ว ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของเราเอง ที่จะได้พิจารณาว่าจักทำประการใด แก่เจ้าคนซึ่งมีน้ำใจขบังอาจเอาดอกไม้ของข้าไปทำการบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอาล่ะเจ้าไปได้แล้ว"

                เมื่อรับสั่งแล้วพระเจ้าพิมพิสารก็รีบเสด็จไปยังถนนที่สมเด็จพระชินสีห์กำลังเสด็จบิณฑบาตอยู่พร้อมกับหมู่อริยสงฆ์ทั้งหลาย เมื่อได้ทรงทอดพระเนตรเห็นพระพุทธองค์ซึ่งทรงดำเนินไปด้วยพุทธานุภาพอันมีเหล่าดอกมะลิลอยตามรายล้อม ดังนั้นก็ให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก ครั้นสมเด็จพระพิชิตมารเสด็จไปยังประตูพระบรมมหาราชวังจึงเสด็จเข้าไปรับบาตรจากพระหัตถ์แล้วทรงอาราธนาให้เสด็จเข้าไปในปราสาท แต่สมเด็จพระพุทธองค์หาได้เสด็จเข้าไปตามที่ทูลไม่ หากแต่ทรงแสดงอาการว่าจะประทับที่พระลานหลวงด้วยว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดำริว่า ถ้าจักเสด็จเข้าไปในปราสาทแล้วไซร้ ประชาชนทั้งหลายผู้ติดใจใคร่จะดูซึ่งพระพุทธานุภาพ จักไม่ได้เห็นพระองค์ และอีกประการหนึ่งดอกไม้ที่ลอยเด่นอยู่รอบพระวรกายเป็นอัศจรรย์ ที่นายมาลาการผู้เข็ญใจถวายเป็นพุทธบูชานั้น บัดนี้ก็ยังปรากฎอยู่ หากพระองค์เสด็จเข้าไปในปราสาทที่รโหฐานแล้วประชาชนจะไม่ได้เห็นความอัศจรรย์ เพราะพระพุทธองค์ต้องการให้ชื่อเสียงแห่งนายมาลาการผู้ถวายดอกไม้ปรากฎขจรขจายไป ประชาชนจักได้ร่วมอนุโมทนาในมหากุศลครั้งนี้ของเขา ครั้นสมเด็จพระเจ้าพิมพิสารถวายภัตตาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มีรับสั่งให้นำนายมาลาการมาเข้าเฝ้า

                "เจ้าผิดสัญญา และนำดอกไม้ของเราไปบูชาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะเหตุใด?"

                เจ้าคนผู้เข็ญใจผู้เกรงความผิดตอบด้วยอาการตัวสั่นงันงกว่า "เพราะข้าพระองค์เกิดความเลื่อมใสศรัทธาจนอดใจไว้ไม่ได้ จึงได้ถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชาไป พระเจ้าข้า" เมื่อได้สดับฟังพระเจ้าพิมพิสารจึงตรัสขึ้นว่า

                "ตอนที่เจ้าถวายเจ้าไม่เกรงกลัวต่อราชภัยเลยหรือไรเล่า?"

                "ข้าพระองค์คิดว่า พระเจ้าข้า! หากแม้นองค์ราชาไม่ได้รับดอกไม้แล้ว มาตรว่าพระองค์จักประหารชีวิตของข้าพระองค์หรือจักลงอาญาแก่ข้าพระองค์โดยประการใดก็ตาม ข้าพระองค์ก็ยินดีที่จักรับโทษทัณฑ์นั้น ด้วยความเต็มใจ ข้าพระองค์ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าจักขอถวายชีวิตบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชาให้ได้ในครั้งนี้ พระเจ้าข้า"

                "เจ้าเป็นมหาบุรุษ เจ้าควรได้รับการยกย่องเพราะเป็นผู้มีจิตศรัทธา องอาจกล้าหาญในการบริจาคทานยิ่งนัก สมควรที่จักได้รับรางวัลจากเราผู้เป็นพระราชาในกาลบัดนี้" พระเจ้าพิมพิสารบรมกษัตริย์อริยบุคคลโสดาบันตรัสขึ้นด้วยความพอพระทัย แล้วทรงมีพระบรมราชโองการให้เจ้าพนักงานจัดหาสิ่งของให้ โดยมี ช้าง ๘ เชือก ม้า ๘ ตัว เครื่องประดับอันมีค่าและเสื้อผ้า ๘ ชุด ทาส ๘ คน ทาสี ๘ คน นารีซึ่งประดับด้วยสรรพอลังการ ๘ นาง พร้อมพระราชทานบ้านส่วย ๘ ตำบล ให้เขาดูแลจัดหาผลประโยชน์เอาเองและพระราชทานทรัพย์อีก ๘,๐๐๐ กหาปณะ

                เมื่อข่าวของนายมาลาการผู้เข็ญใจรู้ไปถึงหมู่พระภิกษุสงฆ์แล้ว พระอานนทเถรเจ้าจึงกราบทูลถามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า

                "ข้าแต่พระพุทธองค์ผู้มีพระภาค! ชายเข็ญใจผู้ถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชาในวันนี้ได้รับพระราชทานลาภยศจากพระราชาธิบดีเป็นอันมากในปัจจุบันชาตินี้เท่านั้นหรือพระเจ้าข้า!" สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพุทธฎีกาตรัสว่า

                "ดูกรอานนท์! เธออย่าได้กำหนดว่า กุศลกรรมที่นายมาลาการกระทำในวันนี้ เป็นกรรมกุศลเพียงน้อยนิด หากแต่เขาได้ถวายบุปผทานเป็นพุทธบูชา ด้วยการเอาชีวิตเข้าเป็นเดิมพัน เหตุนี้ทานของเขาจึงมีอานิสงส์มากคือ นอกจากเขาจะได้รับลาภยศมากมายในปัจจุบันชาติทันตาเห็นแล้ว เมื่อเขาดับขันธ์สิ้นชีวิตจากมนุษยโลกนี้ไป เขาจักไม่ไปเกิดในทุคติภูมิเป็นเวลานานถึง ๑๐๐,๐๐๐ มหากัป ในชาติสุดท้ายจักได้บรรลุปัจเจกโพธิญาณสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า มีนามว่า พระสุมนปัจเจกพุทธเจ้า อย่างแท้จริง"


    ที่มา : Horonumber

    เเสดงความคิดเห็น

    บทความที่เกี่ยวข้อง

    thumbnail
    งานพุทธาภิเษก พระพุทธเมตตา วันท...

    งานพุทธาภิเษกพระพุทธเมตตา วันที่ 14 ธันวาคม 2557 ณ.คณะ5วัดราชสิทธาราม โดยพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี

    thumbnail
    เลือกของทำบุญอย่างไรให้เหมาะสม

    การทำบุญ เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมานานโดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น วันพระ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ทำบุญไปนั้นได้ใช้ประโยชน์มากน

    thumbnail
    พระประจำวันเกิดทั้ง 8 และประวัติ...

    เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ประชากรร้อยละ 95 ของประเทศไทยนับถือศาสนาพุทธ นิกายเถรวาท ซึ่งถือว่าเป็นศาสนาประจำชาติ ทั้งนี้ นอกจากพระประธานที่พุทธศาสนิกช

    thumbnail
    พระโบราณกับการความอุทิศตน ด้วยก...

    การรักษาศพหรือการทำมัมมี่ของคนที่ตายแล้วก็ว่าน่าทึ่งแล้ว แต่การทำมัมมี่ตัวเองทั้งๆ ที่ ยังไม่ตาย น่าทึ่งมากยิ่งกว่า ซึ่งอยากจะบอกว่า กระบวนการทำมัมมี่