หมวดหมู่น่าสนใจ

บทความล่าสุด

  • thumbnail

    ชุดพระเหรียญโชคลาภ ปี2558

    ชุดพระเหรียญโชคลาภ ปี2558, พระโชคลาภปี58, บูชาได้โชค ได้ลาภ ปี2558, วัดพลับ, คณะ5

  • thumbnail

    เหรียญพระสีวลี

    เหรียญพระสีวลี, เหรียญโลหะพระสีวลี, คณะ5 วัดราชสิทธาราม

  • thumbnail

    งานพุทธาภิเษก พระพุทธเมตตา วันที่ 14 ธันวาคม 2557

    งานพุทธาภิเษกพระพุทธเมตตา วันที่ 14 ธันวาคม 2557 ณ.คณะ5วัดราชสิทธาราม โดยพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี

  • thumbnail

    งานพุทธาภิเษก เหรียญพระสีวลี คณะ 5 วัดราชสิทธาราม

    งานพุทธาภิเษกเหรียญพระสีวลี วันที่ 29 พฤษจิกายน 2557 ณ.คณะ5วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ)

  • thumbnail

    เลือกของทำบุญอย่างไรให้เหมาะสม

    การทำบุญ เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมานานโดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น วันพระ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ทำบุญไปนั้นได้ใช้ประโยชน์มากน

  • พระญาณโพธิ์เถร หลวงปู่ขาว

    thumbnail

    เขียนเมื่อ 2014-09-28 05:46:38

    1294 ครั้ง


    พระญาณโพธิ์เถร ( หลวงปู่ขาว )


     

              พระญาณโพธิ์เถร (ขาว) หรือพระอาจารย์ขาว ท่านเกิด ประมาณปีพระพุทธศักราช ๒๒๘๐–๒๒๘๑ ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา ท่านบรรพชา-อุปสมบท ณ วัดน้อย ซึ่งเป็นวัดป่า แขวงกรุงศรีอยุธยา ท่านศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ กับพระอุปัชฌาย์ของท่าน อยู่ที่วัดน้อยต่อมาท่านได้ออกสัญจรจาริกไปตามสถานที่ต่างๆ และพบกับพระอาจารย์สุก ที่ป่าแขวงเมืองสิงหบุรี ครั้งกรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานีอยู่ต่อมาพระอาจารย์ขาว เกิดความเลื่อมใสในปฏิปทาของพระอาจารย์สุก ท่านจึงมาขอ ศึกษาวิชาพระกรรมฐานเพิ่มเติม จากพระอาจารย์สุก พระองค์ท่าน ได้ถ่ายทอดวิชาสยบจิต และวิชาฌานโลกุตระ ให้กับพระอาจารย์ขาว ครั้นเมื่อท่านทราบว่า พระอาจารย์สุก มาสถิตวัดท่าหอย แขวงกรุงเก่า ในสมัยธนบุรีนี้ ท่านจึงตามมาขอศึกษาวิชาการต่างๆเพิ่มเติมจากพระองค์ท่านอีก และบางครั้งท่านก็ได้ช่วยพระอาจารย์สุก ปั้นบาตรดิน เผาขึ้นใช้เอง เนื่องจากบาตรดิน บริขารเดิมของพระอาจารย์สุก เกิดชำรุด เสียหาย ต่อมาเมื่อมีกุลบุตร เข้ามาบรรพชา-อุปสมบท ณ วัดท่าหอยมากขึ้น บริขารบางอย่างไม่พอใช้ เช่น บาตร เป็นต้น สหายธรรมที่จาริกมาในครั้งนั้น ก็ได้ช่วยพระอาจารย์สุก พระอาจารย์ของตน ปั้นบาตรดิน เผาขึ้นไว้ใช้สำหรับ บรรพชาอุปสมบท เนื่องจากอยู่ในยุคสร้างบ้านแปลงเมือง ข้าวของบริขารบางอย่างหายาก ต่อมามีกุลบุตรเข้ามาบรรพชา-อุปสมบท พระอาจารย์ขาว และเพื่อนสหธรรมิกคือพระอาจารย์เที่ยง พระอาจารย์สี พระอาจารย์ศุก ทั้ง ๔ องค์ ท่านก็เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอนุศาสนาจารย์ และเพื่อนสหายธรรมอื่นๆ ที่มาในครั้งนั้น ก็ช่วยลงนั่งเป็นพระลำดับด้วย บางครั้งพระลำดับ ไม่ครบสงฆ์ปัญจวรรค ต้องไปอาราธนานิมนต์ พระสงฆ์ตามป่า ตามเขามา

              ครั้งแรกวัดท่าหอย ยุคต้นธนบุรี ยังไม่มีพัทธเสมา ทำสังฆกรรมอุปสมบท ต้องสวดสมมุติเสมาขึ้นมา พระอาจารย์ขาว เมื่อท่านมาสถิตวัดท่าหอยแล้ว พระอาจารย์สุก พระอาจารย์ ของท่าน ได้มอบ ไม้เท้าเบิกไพรให้ท่าน ๑ อัน เรียกว่าไม้เท้า ไผ่ยอดตาลพระอาจารย์สุก ท่านได้ไม้เท้า ไผ่ยอดตาล มาจากจากถ้ำ ในป่าลึกแห่งหนึ่ง เป็นของบูรพาจารย์ ท่านทิ้งสังขารไว้ ในถ้ำแห่งนั้น พร้อมไม้เท้า เบิกไพร ไผ่ยอดตาล

              พระพุทธศักราช ๒๓๒๗ ประมาณต้นปี พระอาจารย์ขาว ท่านได้เดินทางกลับจากป่า มาวัดท่าหอย ท่านทราบว่าพระอาจารย์สุกมากรุงเทพฯ ท่านจึงลาพระอาจารย์มาก เจ้าอาวาสวัดท่าหอย ขอเดินทางมาช่วยงานพระอาจารย์สุก ที่วัดพลับ กรุงเทพฯ และท่านได้สถิตวัดพลับตั้งแต่นั้นตลอดมา ต่อมาพระญาณสังวรเถร(สุก) แต่งตั้งให้ท่านเป็นพระอาจารย์ผู้ช่วยบอกพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ที่วัดพลับ (วัดราชสิทธาราม) ครั้งนั้นบาตรดินเผา บริขารเดิมของท่านเกิดชำรุด พระญาณสังวรเถร (สุก) จึงประทานบาตรดินเผาเดิมของพระองค์ท่านที่นำมาจากวัดท่าหอย ประทานให้แก่พระอาจารย์ขาว ใช้แทนบาตรดินเผา บริขารเดิมของท่าน ที่ชำรุด 

              พระพุทธศักราช ๒๓๒๘ พระอาจารย์ขาว ได้เป็นถานานุกรมที่ พระครูธรรมรักขิต ของพระญาณสังวร

              พระพุทธศักราช ๒๓๓๗ พระครูธรรมรักขิต (ขาว) ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระครูปลัดถานานุกรมของ พระญาณสังวร (สุก) เนื่องจากพระครูปลัดชิต ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะที่ พระญาณวิสุทธิเถร ( ท่านเจ้าคุณหอไตร)

              พระพุทธศักราช ๒๓๕๙ วันพฤหัสบดี เดือน ๙ แรม ๗ ค่ำ ปีชวด ได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์ เป็นพระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระญาณโพธิ์เถร คราวสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช (มี) รับพระราชทานพัดงาสาน เมื่อท่านเป็นพระราชาคณะนั้น อายุท่านประมาณได้ ๗๙ ปี เหตุที่ท่านไม่ได้เป็นราชาคณะมาแต่ก่อนนั้น เพราะท่านไม่ติดลาภยศ ได้ปฏิเสธเรื่อยมา ครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๒ ขอให้ท่านรับเป็นพระราชาคณะ รับภารธุระทางพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้ท่านจึงยอมรับตำแหน่งที่ พระญาณโพธิ์นี้ ถ้าผู้ครองตำแหน่งเป็นพระภิกษุสงฆ์ฝ่ายวิปัสสนาธุระ เติมคำว่า เถร เป็นพระพระญาณโพธิ์เถร ถ้าผู้ครองตำแหน่งเป็นพระสงฆ์ฝ่ายคันถะ ธุระ ไม่มีคำว่า เถร เป็น พระญาณโพธิ์

              พระพุทธศักราช ๒๓๖๒ ประมาณปลายปี ร่วมกับพระเถรานุเถระ ผู้ใหญ่ ผู้น้อยทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์รัตนสูตร ปราบอหิวาตกโรค ห่าลงเมืองในรัชกาลที่ ๒

              พระพุทธศักราช ๒๓๖๔ เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ ทำการสังคายนาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ในสมัยรัชกาลที่ ๒

              พระพุทธศักราช ๒๓๖๖ ท่านอาพาธลงด้วยโรคชรา กรมหมื่นเจษฏาบดินทร์เสด็จเยี่ยมอาการอาพาธของท่าน และมีพระดำริในพระทัยว่า ถ้าพระอาจารย์มรณะภาพลง จะกราบบังคมทูลขอถวายเกียรติยศจากพระเจ้าแผ่นดิน (รัชกาลที่ ๒)ให้เป็นพิเศษเพื่อบูชาคุณธรรมของท่าน เพราะท่านเป็นพระอาจารย์ของกรมหมื่นเจษฏาบดินทร์ ด้วยองค์หนึ่ง ทรงนับถือว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่บรรลุคุณวิเศษในพระพุทธศาสนา เพราะท่านทรงคุ้นเคยกันมาแต่ครั้งทรงผนวชอยู่ที่วัดราชสิทธารามนี้ ๑ พรรษา พระญาณโพธิ์เถร (ขาว) ท่านทราบความดำรินี้ พระญาณโพธิ์เถร ได้กล่าวขึ้นมาลอยๆว่า ธรรมดาศิษย์ไม่ควรทำตัวเทียบ ตีเสมอพระอาจารย์ อาจารย์ในที่นี้ หมายถึง สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) กรมหมื่นเจษฏาบดินทร์ ทรงสดับฟังดังนั้น ก็ทรงเข้าพระทัยดี 

              ต่อมาเมื่อพระญาณโพธิ์เถร ถึงแก่มรณะภาพลง เมื่อสิริรวมมายุได้ประมาณ ๘๖ ปี พระญาณโพธิ์เถร (ขาว) มรณะภาพภายหลัง สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) ๑ ปี(นับเดือนไทย) สรีระสังขารของ พระญาณโพธิ์เถร (ขาว) ทางวัดเก็บบำเพ็ญกุศลไว้ได้ประมาณ ๑ ปีเศษ พระวินัยรักขิต (ฮั่น) ก็ถึงแก่มรณะภาพลงอีกองค์หนึ่ง และทางวัดก็ได้เก็บสรีระของ พระวินัยรักขิต (ฮั่น) ไว้บำเพ็ญกุศลอีกประมาณ ๑ ปีเศษ ระหว่างเก็บสรีระบำเพ็ญกุศล พระมหาเถรทั้งสองท่านอยู่ พระพรหมมุนี (ชิต) หรือท่านเจ้าคุณหอไตร ก็อาพาธถึงแก่มรณะภาพลงอีก เวลานั้นที่วัดราชสิทธาราม จึงมีการตั้งบำเพ็ญมหากุศล สรีระสังขารของ พระมหาเถรผู้ใหญ่ถึงสามท่านการตั้งบำเพ็ญกุศล อดีตพระมหาเถร ณ. ศาลาการเปรียญหลังเก่า หลังพระอุโบสถ เป็นประเพณีของผู้คนในครั้งนั้น

              ถ้าพระเถรผู้ใหญ่ที่มีผู้คนเคารพนับถือมากมรณะภาพลง จะเก็บสรีระสังขารของท่านไว้บำเพ็ญกุศลหลายปี ยกเว้นตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จราชาคณะ เมื่อครบ ๑๐๐ วัน ก็จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระราชทานเพลิงเลย พระราชาคณะ พระครู พระถานานุกรม วัดราชสิทธาราม ที่ตั้งอยู่ในฐานะพระอาจารย์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ และทรงนับถือว่าเป็นผู้บรรลุคุณวิเศษในพระพุทธศาสนานั้น นอกจากองค์พระอาจารย์ใหญ่คือ สมเด็จพระสังฆราช (ไก่เถื่อน)แล้ว ยังมี พระญาณโพธิ์เถร (ขาว) ๑ พระพรหมมุนี (ชิต) หรือท่านเจ้าคุณหอไตร ๑ พระวินัยรักขิต (ฮั่น) ๑ พระครูวินัยธรรมกัน ๑ พระญาณวิสุทธิเถร (เจ้า) ๑ พระญาณโกศลเถร (มาก) ๑ พระเทพโมลี (กลิ่น) ๑ พระปิฏกโกศลเถร (แก้ว) ๑ พระญาณสังวร (ด้วง) ๑ พระญาณโกศลเถร (รุ่ง) ๑ พระญาณสังวร (บุญ) ๑ พระสังวรานุวงศ์เถร (เมฆ) ๑ เพราะท่านทั้งหลายเหล่านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงคุ้นเคย ทรงเคยมีพระราชปฎิสันฐาน ทรงเคยทอดพระเนตรเห็นคุณวิเศษวัตรปฏิบัติปฏิปทาอันงดงาม มาแต่ครั้งทรงผนวชอยู่ ณ. วัดราชสิทธาราม หนึ่งพรรษา ภายหลังรงลาผนวชแล้วยังได้ทรงติดตามเสด็จระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๒ มาวัดราชสิทธารามเสมอเนืองๆ เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว ก็เสด็จพระราชดำเนินมาวัดราชสิทธารามบ่อยครั้ง เช่นคราวเสด็จพระราชดำเนินมา ทรงทอดผ้าพระกฐินทาน เป็นต้น อีกทั้งพระมหาเถระ ที่กล่าวนามมาแล้วในที่นี้ก็ตั้งอยู่ในฐานะพระอาจารย์ของ สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) และพระมหาเถรทั้งหมดที่กล่าวนามมาแล้วนั้น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี นับถือมากเพราะเป็นพระมหาเถรรุ่นอาจารย์ของท่าน สมัยครั้งยังศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ อยู่ในสำนักพระญาณสังวรเถร (สุก) ไก่เถื่อน

    เเสดงความคิดเห็น

    บทความที่เกี่ยวข้อง

    thumbnail
    พระครูสิทธิสังวร ( หลวงพ่อวีระ ...

    พระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ ศิษย์ไก่เถื่อน )วิทยฐานะ น.ธ.เอก ป.ว.ช วัดราชสิทธาราม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพ ๑๐๖๐๐

    thumbnail
    พระครูปัญญาวุธคุณ หลวงพ่อสำอางค์

    พระครูปัญญาวุธคุณ มีนามเดิมว่า สำอางค์ เกิดวันพฤหัสบดี แรม ๑ ค่ำ เดือนอ้าย ตรงกับวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ บิดาชื่อนายผัน มารดาชื่อ นางปลื้ม สุขมีทร

    thumbnail
    พระครูญาณสิทธิ หลวงปู่เชื้อ

    พระครูญาณสิทธิ (เชื้อ) มีนามเดิมว่า เชย นามสกุล จันทน์ปราณีต และเปลี่ยนเป็น เชื้อ จันทน์ปราณีต ขณะเมื่อเป็นพระถานานุกรม ของพระสังวรานุวงศ์เถร(ชุ่ม)พระ

    thumbnail
    พระครูสังวรสมาธิวัตร หลวงปู่แป๊ะ

    พระครูสังวรสมาธิวัตร มีนามเดิมว่า แป๊ะ สีเนื้อขาว สันฐานสันทัด ตำหนิใฝ่ ที่ริมฝีปากบนข้างซ้าย อาชีพกสิกรรม บิดาชื่อนายจิ๋ว มารดาชื่อนางฉิม เกิดเมื่อ