หมวดหมู่น่าสนใจ

บทความล่าสุด

  • thumbnail

    ชุดพระเหรียญโชคลาภ ปี2558

    ชุดพระเหรียญโชคลาภ ปี2558, พระโชคลาภปี58, บูชาได้โชค ได้ลาภ ปี2558, วัดพลับ, คณะ5

  • thumbnail

    เหรียญพระสีวลี

    เหรียญพระสีวลี, เหรียญโลหะพระสีวลี, คณะ5 วัดราชสิทธาราม

  • thumbnail

    งานพุทธาภิเษก พระพุทธเมตตา วันที่ 14 ธันวาคม 2557

    งานพุทธาภิเษกพระพุทธเมตตา วันที่ 14 ธันวาคม 2557 ณ.คณะ5วัดราชสิทธาราม โดยพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี

  • thumbnail

    งานพุทธาภิเษก เหรียญพระสีวลี คณะ 5 วัดราชสิทธาราม

    งานพุทธาภิเษกเหรียญพระสีวลี วันที่ 29 พฤษจิกายน 2557 ณ.คณะ5วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ)

  • thumbnail

    เลือกของทำบุญอย่างไรให้เหมาะสม

    การทำบุญ เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมานานโดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น วันพระ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ทำบุญไปนั้นได้ใช้ประโยชน์มากน

  • พระญาณสังวร (เถร) หลวงปู่ด้วง

    thumbnail

    เขียนเมื่อ 2014-09-28 06:15:45

    2028 ครั้ง


    พระญาณสังวร (เถร)  หลวงปู่ด้วง

    *** ตัดคำว่า เถร ออก เพราะต่อมาคำรงตำแหน่งพระราชาคณะผู้ใหญ่ 
    ในราชทิน นามเดิม เทียบเท่าตำแหน่ง พระพุฒาจารย์ ***

     

                   พระญาณสังวร หรือพระอาจารย์ด้วง ท่านเกิดเมื่อประมาณปีพระพุทธศักราช ๒๒๘๙ - ๒๒๙๐ ในรัชสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ แห่งกรุงศรีอยุธยา ท่านบรรพชาอุปสมบท ประมาณปลายกรุงศรีอยุธยา ที่วัดน้อยใน แขวงกรุงเก่า ในรัชสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ อุปสมบทแล้วไม่นาน บ้านเมืองไม่สงบ ท่านจึงจาริกออกไปจำพรรษา ณ วัดป่า แขวงอุตรดิตถ์ พระอาจารย์ด้วง พบพระอาจารย์สุก ที่ป่าลึก แขวงเมืองพิษณุโลก สมัย เริ่มต้นธนบุรี พระอาจารย์ด้วง เกิด ความเลื่อมใสในปฏิปทาอันงาม ของพระอาจารย์สุก จึง ติดตามพระองค์ท่านมาอยู่ที่วัดท่าหอย ประมาณต้นปีพระพุทธศักราช ๒๓๑๑ ท่าน เดินทางสัญจรจาริกมาพร้อมเพื่อนสหธรรมิก ๓-๔ องค์ แต่ได้แยกย้ายกันระหว่างทาง พระอาจารย์ด้วง ท่านมาสถิตวัดท่าหอยแล้ว ท่านได้ศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา 
    แบบลำดับ กับพระอาจารย์สุก อยู่นานประมาณ ๕ เดือนจึงจบ ทั้งสมถะ-วิปัสสนามัชฌิมาแบบลำดับ 

                   ต่อมาพระอาจารย์ด้วง ท่านได้เล่าเรียนศึกษา พระบาลีมูลกัจจายน์ หรือพระบาลี ใหญ่ กับพระอาจารย์สุก จนสิ้นความรู้พระบาลีเบื้องต้นจากพระอาจารย์สุก ต่อมาพระอาจารย์สุก ส่งพระอาจารย์ด้วง พร้อมกับพระอาจารย์แก้ว มาศึกษาพระบาลีชั้นสูง ต่อที่  กรุงธนบุรี ณ วัดสลัก กับพระศรีสมโพธ์ (ศุก)ต่อมาภายหลัง ประมาณปลายรัชสมัยธนบุรี เกิดมีการจราจลวุ่นวาย พระอาจารย์ด้วง และพระอาจารย์แก้ว จึงออกสัญจรจาริกธุดงค์ หนีการจราจลวุ่นวาย ออกเดินทางไปทางเหนือ จำศีลภาวนาอยู่ ณ ป่าลึก แขวงเมืองอุตรดิตถ์ 

                   ปีพระพุทธศักราช. ๒๓๓๐ ท่านทราบข่าวว่า พระอาจารย์สุก หรือพระญาณ สังวรเถร (สุก) พระอาจารย์ใหญ่ มาสถิต ณ.วัดพลับ จึงเดินทางจาริก ออกมาจากวัดป่า แขวงเมืองอุตรดิตถ์ มาวัดพลับ มาครั้งนั้นท่านมาพร้อมกับพระอาจารย์แก้ว มากราบ นมัสการพระอาจารย์สุก พร้อมกับมาขอศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ต่อกับ พระญาณสังวรเถร (สุก) กาลต่อมาพระญาณสังวรเถร (สุก) แต่งตั้งให้ท่านเป็นพระอาจารย์ผู้ช่วยบอกพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ในรุ่นแรกๆของวัดพลับ 

     

    รูปหล่อหุ่นขี้ผึ่งหลวงปู่ด้วง 
    @ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ่ง หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน คณะ 5 วัดราชสิทธาราม อิสระภาพ23 ฝั่งธน กทม

     

                  ปีพระพุทธศักราช ๒๓๕๙ ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๒ เป็นพระครูปลัด ว่าที่ถานานุกรมชั้นที่หนึ่ง ของสมเด็จพระญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน)

                  ปีพระพุทธศักราช ๒๓๖๓ ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๒ ณ. วันพฤหัส เดือนอ้าย ขึ้น ๙ ค่ำ ปีมะโรง โทศก ได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์ เป็นพระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระที่พระญาณสังวรเถร พระคณาจารย์เอก เมื่ออายุได้ ๗๓ ปี นิตย์ภัต ๒ ตำลึงกึ่ง รับพระราชทานพัดงาสาน สมัยที่ท่านดำรงชีวิตอยู่ ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียง ผู้คนนับ ถือเคารพยำเกรงมาก กล่าวว่า ท่านมีความประพฤติ วัตรปฏิบัติงดงาม ทรงคุณธรรมสูงอย่าง บูรพาจารย์ มีสมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) เป็นต้น 

                  ปีพระพุทธศักราช ๒๓๖๔ ท่านได้รับอาราธนาจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๒ ให้เข้าร่วมเป็นพระคณะกรรมการ เข้าควบคุมการสอบสมาธิจิตในการทำสังคายนาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ ๒ เป็น 
    ครั้งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ 

                  ปีพระพุทธศักราช ๒๓๖๕ ประมาณปลายปี เป็นคณะกรรมการ หล่อพระรูปสมเด็จพระสังฆราช ไก่เถื่อน

                  ปีพระพุทธศักราช ๒๓๖๘ พระญาณสังวรเถร (ด้วง) นิตยภัตเดิม ๒ ตำลึงกึ่ง ได้รับพระราชทานนิตยภัต เพิ่มอีกกึ่งตำลึง เป็น ๓ ตำลึง ตำแหน่ง เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสีและเป็นเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม การศึกษาสมัยท่านครองวัดราชสิทธารามด้านการศึกษาวิปัสสนาธุระ พระญาณสังวรเถร (ด้วง) เป็นพระอาจารย์ใหญ่ พระอาจารย์ผู้ช่วยคือ พระครูศีลวิสุทธิ์ (รุ่ง) ๑ พระครูศีลสมาจารย์ (บุญ) ๑ พระอาจารย์มี ๑ พระอาจารย์เมฆ ๑ ด้านการศึกษาพระปริยัติธรรมบาลี พระมหาทัด เป็นพระอาจารย์ใหญ่ พระ อาจารย์ผู้ช่วยคือ พระอาจารย์มหาเกิด ๑ พระอาจารย์มหาเกด ๑ 

                  ปีพระพุทธศักราช ๒๓๖๙ ต้นปี ได้รับพระราชทานนิตยภัตเพิ่มเป็น ๔ ตำลึงกึง ปีพระพุทธศักราช ๒๓๖๙ กลางปีพระญาณสังวรเถร (ด้วง) ได้รับพระราชทาน เลื่อนสมณศักด์ิเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ในราชทินนามเดิมที่ พระญาณสังวร (ตัดคำว่าเถร ออก) ได้รับพระราชทานนิตยภัตเป็น ๕ ตำลึง สูงกว่าตำแหน่งพระพุฒาจารย์ ตำแหน่งพระพุฒาจารย์ ว่างมาแล้ว ๗ ปี มีสร้อยนามดังนี้

                  สำเนาแต่งตั้งให้พระญาณสังวรเถรเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ที่ พระญาณสังวร สุนทรสังฆเถรา สัตตวิสุทธิ์ จริยาปรินายก สปิฏกธรา มหาอุดมศิลอนันต์ อรัญวาสี สถิตในวัดราชสิทธาวาส พระอารามหลวงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พระราชทานพัดแฉกทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี ให้พระญาณสังวร (ด้วง)อีก ๑ ด้าม พระราชทานพัดงาสาน ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ๑ ด้าม เวลานั้นพระญาณสังวร (ด้วง) ท่านมีพรรษายุกาลมากกว่า พระมหาเถรผู้ใหญ่ทั้ง ปวงในสมัยนั้น โดยเฉพาะท่านมีพรรษายุกาลมากกว่า สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) เมื่อมี กิจนิมนต์ในพระบรมมหาพระราชวัง พระญาณสังวร(ด้วง) นั่งหน้าสมเด็จพระสังฆราช(ด่อน) สมัยนั้นพระสงฆ์เคารพพรรษา เคารพพระวินัย เคารพคุณธรรมเป็นอย่างยิ่ง พระญาณสังวร (ด้วง) ท่านเป็นสัทธิวิหาริก เป็นศิษย์พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ของสมเด็จพระสังฆราช ไก่เถื่อน และเป็นอาจารย์ของสมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) เวลา นั้นยังไม่ ทรงยกเลิกธรรมเนียมอาวุโสทางพรรษา อธิบาย ตำแหน่งพระญาณสังวรเถร เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี ทรงแต่งตั้งเมื่อปีพระพุทธศักราช ๒๓๒๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑ ทรงอาราธนาพระ อาจารย์สุก มากรุงเทพ ทรงแต่งตั้งเป็น พระญาณสังวรเถร เจ้าคณะรองอรัญวาสี ต่อมาเป็นเจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี เมื่อคราวสถาปนาเป็นสมเด็จราชาคณะ ส่วนเจ้าคณะรอง อรัญวาสีเดิม คือพระญาณไตรโลก อยู่วัดเลียบ เลื่อนเป็นที่พระพรหมมุนี ในรัชกาลที่ ๑ ตำแหน่งพระญาณไตรโลกจึงว่างลง 

                  อนึ่ง หลวงธรรมรักษา เจ้ากรมสังการีขวา ในรัชกาลที่ ๑ ซึ่งเป็นอดีตพระพิมลธรรม มาก่อนนั้น ต้องสึกครั้งแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรี ว่าต้องอธิกรอทินนาทาน ทรงแคลงพระราชหฤทัยอยู่ จึงทรงให้พิจารณาไล่เลียงดูใหม่แล้ว ทรงเห็นว่าบริสุทธิ์อยู่หาขาดสิกขาไม่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้บวชเข้ามาใหม่ ให้เป็นพระญาณไตรโลกอยู่วัดสลัก (วัดมหาธาตุ) แต่นั้นมาตำแหน่ง พระญาณไตรโลก ก็เป็นตำแหน่งพระราชาคณะสามัญ,จากหนังสือคำให้การขุนหลวงหาวัด สมุดไทยดำ เล่มที่ ๑๐ เลขที่ ๒ ง. ๒๘ ว่าพระพิมลธรรม ๑ พระธรรมอุดม ๑ พระญาณสังวร ๑ พระมหาสุเมธ ๑ พระพุทธโฆษา๑ พระพรหมมุนี ๑ พระธรรมเจดีย์ ๑ พระธรรมไตรโลก ๑ พระธรรมราชา ๑ ราชาคณะผู้ใหญ่ ๙ องค์นี้ ถึงแก่มรณะภาพเข้าโกศ ตำแหน่งพระญาณสังวร เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี วัดราชสิทธาราม (พลับ) เมื่อมรณะภาพเข้าโกศมี ๔ องค์ คือ 

                  ๑.พระญาณสังวรเถร (สุก) ทรงแต่งตั้งพ.ศ. ๒๓๒๖ เป็นเจ้าคณะรองอรัญวาสี พ.ศ. ๒๓๕๙ สถาปนาเป็นสมเด็จราชาคณะ ตำแหน่ง เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี สิ้นพระชนม์ ในรัชกาลที่ ๒ พระราชทานพระโกศทองใหญ่ 

                  ๒.พระญาณสังวรเถร (ด้วง) ทรงแต่งตั้งพ.ศ. ๒๓๖๓ ตำแหน่งเจ้าคณะรองอรัญวาสี ต่อมาพ.ศ. ๒๓๖๙ เลื่อนเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ในราชทินนามเดิมที่ พระญาณสังวร สูงกว่าตำแหน่งพระพุฒาจารย์ ดำรงค์ตำแหน่ง เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี

    มรณะภาพในรัชกาลที่ ๓ พระราชทานโกศเจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี 

                  ๓.พระญาณสังวรเถรเถร (บุญ) ทรงแต่งตั้งพ.ศ. ๒๓๘๖ เป็นเจ้าคณะรองอรัญวาสี ปีนั้นทรงแต่งตั้งพระพรหมมุนี (สนธ์)วัดสระเกศ เป็นพระพุฒาจารย์ด้วย พ.ศ.๒๓๘๘ พระญาณสังวรเถร (บุญ) เลื่อนที่เป็นราชาคณะผู้ใหญ่ ในราชทินนามเดิมที่ พระญาณสังวร เป็นเจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี ให้พระพุฒาจารย์ (สน) เป็นเจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี กิตติมาศักดิ์ พระญาณสังวร (บุญ)มรณะภาพในรัชกาลที่ ๔ พระราชทานโกศ 

                  เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี สิ่งที่พระญาณสังวร (เถร) ทรงเหมือน และเหมือนกันคือ

                  ๑.ได้รับพระราชทานพัดสองด้ามคือ พัดงาสานฝ่ายวิปัสสนาธุระ๑ พัดแฉกทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ สำหรับตำแหน่ง เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี ๑ แต่ต่างชั้นกัน

                  ๒.นั่งหน้าสมเด็จพระสังฆราช เนื่องจากทั้งสามท่านมีพรรษายุกาลมากกว่า สมเด็จพระสังฆราชถึง ๑๕ พรรษา คณะสงฆ์ราชาคณะสมัยรัชกาลที่ ๑-๒-๓ ถืออาวุโส ทางพรรษาตามพระธรรมวินัยมาก่อนอาวุโสทางสมณศักดิ์ เรื่องนี้ถกเถียงกันมานาน มา เปลี่ยนแปลงในสมัยรัชกาลที่ ๔ ทรงโปรดเกล้าฯถืออาวุโสทางสมณศักดิ์ 

                  ๓.เป็นรัตตัญญู ผู้รู้ราตรีนาน เป็นพระอาจารย์กรรมฐานของ สมเด็จพระสังฆราช พระเถรผู้ใหญ่ และได้การยอมรับนับถือจากพระเจ้าแผ่นดิน พระบรมวงศานุวงศ์ การคณะสงฆ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ ผู้น้อยว่า เป็นผู้ทรงคุณธรรมสูง ทรงคุณวิเศษใน 
    พระพุทธศาสนาสมเด็จพระญาณสังวร (สุก)ไก่เถื่อน ทรงนั่งหน้าสมเด็จพระสังฆราช (มี)พระญาณสังวร (ด้วง) นั่งหน้าสมเด็จพระสังฆราช (ด่อน)พระญาณสังวร (บุญ) นั่งหน้าสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส

                  ต่อมาถึงรัชสมัยรัชกาลที่ ๔ ทรงยกเลิก ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ให้คำรง ตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก แทนเหตุที่ พระญาณสังวร (บุญ) นั่งหน้าพระเถรผู้ใหญ่ทั้งปวงเวลานั้นเพราะท่านมีพรรษายุกาลมากกว่าพระเถรทั้งปวงถึง ๑๐ กว่าพรรษา ประมาณปีพระพุทธศักราช ๒๓๘๙ สมเด็จพระสังฆราช (นาค) วัดราชบูรณะได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราช ขณะมีพระชนมายุได้ ๘๕ พรรษา ทรงปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชได้ ๓ ปี ต่อมาทรงชราทุพพลภาพ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชได้ กรมหมื่นนุชิตชิโนรส ทรงทำหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช อยู่ ๓ ปี พระญาณสังวร (บุญ เกิด พ.ศ.๒๓๑๗) นั่งหน้ากรมหมื่นนุชิตชิโนรส (ประสูติ ๒๓๓๓) เพราะมีชนมายุพรรษามากกว่า กรมหมื่นนุชิตชิโนรสถึง ๑๖ พรรษา

                  ต่อมาปี พระพุทธศักราช ๒๓๙๒ สมเด็จพระสังฆราช(นาค) วัดราชบูรณะ และสมเด็จพระพนรัตน์ (ฤกษ์)วัดระฆัง มรณะภาพลง ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ตำแหน่งสมเด็จพระพนรัตนว่างลง เวลานั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ยังไม่ทรงสถาปนา ทรงปล่อยว่างไว้ทั้งสองตำแหน่ง เป็นเวลาถึงสองปี ทรงมาสถาปนาในรัชกาลที่ ๔ รวมทั้งตำแหน่ง สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ก็ว่างเช่นกัน เวลานั้นคงมีแต่ ตำแหน่งพระพุทธโฆษาจารย์ (ฉิม) วัดโมลีโลก พระพุฒาจารย์ (สนธิ์) วัดสระเกศ 

                 ครั้งนั้น พระญาณสังวร (บุญ) ท่านเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ในราชทินนามเดิม จึงมีพรรษายุกาลมากที่สุด จึงนั่งหน้าพระมหาเถรทั้งปวง แต่ท่านไม่ได้นั่งหน้าสมเด็จ พระสังฆราช (นาค) เนื่องจากสมเด็จพระสังฆราช (นาค)มีพรรษามากกว่าพระญาณ สังวร (บุญ) ถึง ๑๖ พรรษา แต่พระญาณสังวร (บุญ) ท่านนั่งหน้ากรมหมื่นนุชิตชิโนรส ฯ 

                 ต่อมาปีพระพุทธศักราช ๒๓๙๔ ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๔ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯได้ทำพระราชพิธีมหาสมณุตมาภิเษก สถาปนากรมหมื่นนุชิตชิโนรสฯเป็น กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก แทนตำแหน่งสมเด็จ 
    พระสังฆราช เดิม และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้แต่งตั้ง ตำแหน่งพระราชาคณะผู้ใหญ่ ที่ว่างอยู่ในรัชสมัยรัชกาลที่๓ ดังนี้………..

                         ให้พระธรรมอุดม (เซ่ง) วัดอรุณราชวราราม เป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระวันรัต 
                         ให้พระพุทธโฆษาจารย์ (ฉิม) วัดโมลีโลก เป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ โปรดเกล้าฯให้ย้ายไปครองวัดมหาธาตุฯ ให้พระพุฒาจารย์ (สนธิ์) วัดสระเกศ เป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ครั้งนั้นพระญาณสังวร (บุญ) ยังคงนั่งหน้าพระมหาเถรทั้งปวง เพราะเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ที่มีพรรษาสูงกว่าพระมหาเถรทั้งปวง สมเด็จพระสังฆราชทั้ง ๒ พระองค์ สมเด็จสกลมหาสังฆปริณายก ๑ องค์ คือ สมเด็จพระสังฆราช (มี) สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) และกรมสมเด็จพระปรมานุชิต ชิโนรส สกลมหาสังฆปริณายก ล้วนทรงเป็นศิษย์เสด็จมาทรงศึกษาพระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ในสำนักสมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) ในครั้งนั้นพระญาณ สังวร (ด้วง) พระญาณสังวร (บุญ) เป็นพระอาจารย์ผู้ช่วยบอกพระกรรมฐาน ต่อมาภายหลัง สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสฯ ยังได้ทรงมาต่อพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ กับพระญาณสังวร (ด้วง) พระญาณ สังวร (บุญ) เนืองๆก่อน และหลังสถาปนา เป็นสมเด็จพระสังฆราช และสกลมหาสังฆป รินายก ๔.พระญาณสังวรทั้งสามพระองค์ ได้รับพระราชทานพระโกศ และโกศ จากพระเจ้าแผ่นดิน แต่โกศนั้นต่างชั้นกัน ตำแหน่งพระญาณสังวร สุนทรสังฆเถราฯ เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี เมื่อมรณะภาพเข้าโกศ สมัยรัชกาลที่๔ ทรงแต่งตั้งตำแหน่ง พระสังวรานุวงศ์เถร แทนตำแหน่ง พระญาณสังวรเถร ชั้นสามัญเดิม ตำแหน่งพระญาณสังวรเถรเดิมนั้น ต่อมาในรัชกาลที่ ๓ ทรงแต่งตั้งให้เป็นพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ สูงกว่าตำแหน่ง พระพุฒาจารย์ ทำเนียบการสถาปนาสมเด็จพระราชาคณะ และการแต่งตั้งพระราชาคณะ 

                 ฝ่ายวิปัสสนาธุระในราชทินนามที่ พระญาณสังวร (เถร) สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑

                 ๑.ปีพระพุทธศักราช ๒๓๒๖ ทรงแต่งตั้งเป็นราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่พระ ญาณสังวรเถร (สุก)สถิตวัดราชสิทธาราม เจ้าคณะรองอรัญวาสี 

                 ๒.ปีพระพุทธศักราช ๒๓๒๘ โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ที่ พระญาณสังวร 

                 ๓.ปีพระพุทธศักราช ๒๓๕๙ สถาปนาพระญาณสังวรเป็น สมเด็จพระญาณ สังวร อดิศรสังฆเถราสัตตวิสุทธิจริยา ปรินายก สปิฏกธรา มหาอุดมศีลอนันต์ อรัญวาสี ดำรง ตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี 

                 ๔.ปีพระพุทธศักราช ๒๓๖๓ สถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร (สุก)เป็น สมเด็จพระสังฆราช เมื่อสิ้นพระชนม์ ลงพระราชทานพระโกศทองใหญ่

     

                 รัชกาลที่ ๒ 

                ๑.ปีพระพุทธศักราช ๒๓๖๓ ทรงแต่งตั้ง พระญาณสังวรเถร (ด้วง) วัดราชสิทธาราม เจ้าคณะอรัญวาสี 

                ๒.ปีพระพุทธศักราช ๒๓๖๙ ทรงแต่งตั้งพระญาณสังวรเถร (ด้วง)เป็นพระราชา คณะผู้ใหญ่ เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี ในราชทินนามเดิมที่ พระญาณสังวร มีสร้อยราชทินนามดังนี้   พระญาณสังวร สุนทรสังฆเถรา สัตตวิสุทธิ์ จริยาปรินายก สปิฏกธรา มหาอุดม ศีลอนันต์ อรัญวาสี สูงกว่าตำแหน่งพระพุฒาจารย์เดิม ตำแหน่งพระพุฒาจารย์ (เป้า)เดิม เลื่อนขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เป้า) ไปครองวัดธรรมาวาส แขวงกรุงเก่า ในรัชกาลที่ ๒ พระญาณสังวร (ด้วง) เมื่อมรณะภาพ ทรงพระราชทานโกศ เจ้าคณะใหญ่ อรัญวาสี พระญาณสังวร (ด้วง) บรรพชาอุปสมบท และศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ กับสมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) ครั้งเป็นพระอธิการ อยู่วัดท่าหอย ต่อมาย้ายมาอยู่วัดราชสิทธาราม (พลับ)รัชกาลที่ ๓ 

     

                รัชกาลที่ ๓

               ๑.ปีพระพุทธศักราช. ๒๓๘๖ ทรงแต่งตั้ง พระญาณสังวรเถร (บุญ) เจ้าคณะ อรัญวาสี วัดราชสิทธิ์ 

               ๒.ปีพระพุทธศักราช ๒๓๘๘ เป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี ในราชทินนามเดิมที่ พระญาณสังวร มีสร้อยราชทินนามดังนี้………พระญาณสังวร สุนทรสังฆเถรา สัตตวิสุทธิ์ จริยาปรินายก สปิฏกธรา มหาอุดมศีลอนันต์ อรัญวาสี สูงกว่าตำแหน่งพระพุฒาจารย์เดิม ตำแหน่งพระพุฒาจารย์ (สนธิ์)เดิม เลื่อน เป็นสมเด็จราชาคณะที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนธิ์) ครองวัดสระเกศ ในรัชกาลที่ ๔ เป็นพระราชาคณะฤกษ์ พระญาณสังวร (บุญ) บรรพชาอุปสมบท ศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบ ลำดับ กับพระญาณสังวรเถร (สุก ไก่เถื่อน )ที่วัดราชสิทธาราม (พลับ) เมื่อมรณะภาพ ทรงพระราชทานโกศ เจ้าคณะใหญ่อรัญวาสี


               รัชกาลที่ ๔

               ๑.พระญาณสังวร (บุญ) มีชีวิตอยู่มาถึงรัชสมัยรัชกาลที่ ๔ มรณะภาพเมื่อปีพระพุทธศักราช ๒๓๙๗ ต่อมาถึงรัชสมัยรัชกาลที่ ๔ก็ไม่ทรงโปรด แต่งตั้งตำแหน่งพระญาณสังวร อีก ตำแหน่ง พระญาณสังวร (เถร) จึงว่างลงในรัชกาลนี้ เหตุที่ว่างเพราะ ในรัชสมัย รัชกาลที่ ๓ ตำแหน่งพระญาณสังวร (เถร) ถูกยกขึ้นเป็นตำแหน่งพระราชาคณะชั้น ผู้ใหญ่ สูงกว่าตำแหน่งพระพุฒาจารย์ ตำแหน่งพระญาณสังวร จึงว่างลงในรัชกาลนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑ ทรงทรงตั้งมหาเป้า เป็นพระพุฒาจารย์ ต่อมาพ.ศ. ๒๓๖๓ ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๒ เลื่อนพระพุฒาจารย์ (เป้า) เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ โปรดเกล้าฯให้ไปครองวัดธรรมาวาส กรุงเก่า สมเด็จพระพุฒาจารย์(เป้า)มรณะภาพในต้นรัชกาลที่๓ ตำแหน่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ จึงว่างลงถึง ๑๗ ปี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๖๗-พ.ศ. ๒๓๘๕ ปีพระพุทธศักราช ๒๔๐๒ ในรัชกาลที่ ๔ จึงทรงแต่งตั้ง ตำแหน่งพระราชาคณะ ที่ พระสังวรานุวงศ์เถร(เมฆ) แทนตำแหน่ง พระญาณสังวรเถรเดิม พระสังวรานุวงศ์เถร หมายความว่า วงศ์ผู้สืบทอดพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ของสมเด็จพระสังฆราช ไก่เถื่อน พระสังวรานุวงศ์เถร (เมฆ) ท่านบรรพชาอุปสมบท ศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ กับสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเถร (สุก ไก่เถื่อน) อยู่ที่วัดราชสิทธาราม ท่านมีอายุอยู่ยาวนานถึง ๑๐๖ ปี มรณะภาพลงในรัชกาลที่ ๕ เมื่อปีพระพุทธศักราช ๒๓๒๙ 

     

               รัชกาลที่ ๕ 

               พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงรื้อฟื้น ตำแหน่งพระญาณสังวรเถร ขึ้นมาใหม่ ทรงแต่งตั้งให้เป็นชั้นสามัญตามเดิม เหตุที่ไม่ทรงตั้งที่วัดพลับ เพราะเวลานั้นที่วัดพลับมี ตำแหน่งพระสังวรานุวงศ์เถร แทนตำแหน่งพระญาณสังวรเถรอยู่ 
    แล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ พระครูวินยานุบุรณาจารย์ (ช้าง) วัด โปรดเกษเชฏฐาราม เป็นพระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระญาณสังวรเถร (ช้าง)เนื่องจากพระครูวินยานุบุรณาจารย์ (ช้าง) บรรพชาอุปสมบทอยู่วัดพลับ ศึกษาอักขรสมัย และศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับอยู่วัดพลับ มากับพระญาณสังวร (บุญ)วัดพลับ พระปลัดช้าง ศึกษาพระกรรมฐานรุ่นเดียวกับ พระสังวรานุวงศ์เถร (เอี่ยม) วัดพลับ ต่อมาประมาณปีพระพุทธศักราช ๒๔๑๐ ในรัชกาลที่๔ พระปลัดช้าง ย้ายไปวัด 
    โปรดเกษเชฏฐาราม พระปลัดช้าง ท่านเป็นเชื้อสายพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับของพระญาณสังวร (บุญ) วัดพลับ

               ต้นปีพระพุทธศักราช ๒๔๓๒ พระปลัดช้าง ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูวิปัสสนาธุระที่ พระครูวินยานุบุรณาจารย์ กลางปีพระพุทธศักราช ๒๔๓๒ ทรงแต่งตั้งพระครูวินยานุบุรณาจารย์ (ช้าง) เป็นพระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระญาณสังวรเถร (ช้าง) เจ้าคณะอรัญวาสีหัว เมือง วัดโปรดเกษเชฎฐาราม เมืองนครเขื่อนขันธ์ เมื่อถึงแก่มรณะภาพลง ทรงพระราชทานหีบทองทึบ  (จากหอจดหมายเหตุ เลขที่ ๒๗ เรื่องพระญาณสังวรเถรมรณะภาพ ร.ศ ๑๑๙ หน้า ๑ ๓/๙๕ รหัสไมโครฟิลม์ มร. ๕.ศ /๓๒)


               รัชกาลที่ ๖-๗-๘ 

              ตำแหน่งพระญาณสังวรเถร ว่างลง เนื่องจากเวลานั้นวัดพลับ มีตำแหน่งพระสังว รานุวงศ์เถร แทนตำแหน่ง พระญาณสังวรเถร อยู่แล้ว ตลอดรัชสมัยรัชกาลที่ ๖ ที่ ๗ ที่๘ วัดพลับมี ตำแหน่งพระสังวรานุวงศ์เถรอยู่ถึง ๓ พระองค์คือ พระสังวรานุวงศ์เถร (เอี่ยม) พระสังวรานุวงศ์เถร (ชุ่ม) พระสังวรานุวงศ์เถร (สอน)ๆ เป็นองค์สุดท้ายใน รัชกาลที่ ๙ พระสังวรานุวงศ์เถร (สอน) มรณะภาพลง ในขณะที่คำรงตำแหน่งชั้นราช ในราชทินนามที่ พระสังวรานุวงศ์เถรเมื่อปีพระพุทธศักราช ๒๕๐๐ พระสังวรานุวงศ์ ทั้งสามองค์มีตำแหน่งเสมอชั้นราช ในกาลต่อมา 

     

               รัชกาลที่ ๙ 

               พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ทรงรื้อ ฟื้น ตำแหน่งพระญาณสังวร ขึ้นมาใหม่ ทรงสถาปนาขึ้นในชั้นของ สมเด็จพระราชา คณะปีพระพุทธศักราช ๒๕๑๕ ทรงสถาปนาพระศาสนโสภณ (เจริญ) วัดบวรนิเวศ 
    วิหาร ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระญาณสังวร บรมนริสรธรรม ตรีปิฏกปริยัติธาดา สัปตวิสุทธิจริยาสมบัติ อุดมศีลจารวัตรสุนทร ธรรมยุติกคณิสร บวรสังฆารามคามวาสี อรัญวาสีปัจจุบันสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ) ทรงดำรงตำแหน่ง สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชฯ 
               ปีพระพุทธศักราช ๒๓๗๑ สมเด็จเจ้าพระยามหาประยูรวงศ์ ขอพระราชทานราชานุญาติ จากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯเจ้าอยู่หัว ขอพระญาณสังวร (ด้วง) วัดราชสิทธาราม ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดประยูร รูปแรกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ จึงโปรดเกล้าฯให้พระญาณสังวร (ด้วง) ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดประยูร ท่านดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดประยูรได้ระยะหนึ่ง พระปิฏกโกศลเถร (แก้ว) เจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม ได้ถึงแก่มรณภาพลง พระญาณสังวร (ด้วง)จึงย้ายกลับมาเป็น เจ้าอาวาส วัดราชทธาราม เพื่อดูแล พระกรรมฐานเพราะวัดราชสิทธารามเป็นวัดกรรมฐาน ประจำกรุงรัตนโกสินทร์ ต้องมีพระอาจารย์กรรมฐาน เป็นผู้สามารถ

               ปีพระพุทธศักราช ๒๓๗๓–๒๓๗๔ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯเจ้าอยู่หัวทรงให้สถาปนาพระสถูปเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง พร้อมเจดีย์เล็ก ล้อมเป็นบริวาร ๔ ทิศไว้ที่หน้าพระอุโบสถ ด้านทิศใต้ เพื่อบรรจุ พระอัฏฐิธาตุ ของสมเด็จพระสังฆราชไก่ เถื่อน พระอาจารย์สี พระญาณโพธิ์เถร(ขาว) พระวินัยรักขิต(ฮั่น) พระครูวินัยธรรม (กัน) พระญาณวิสุทธิ์เถร(เจ้า) พระญาณโกศลเถร(มาก) พระเทพโมลี(กลิ่น) พระปิฏกโกศล(แก้ว) และพระอาจารย์ดำปีพระพุทธศักราช ๒๓๗๕ พระญาณสังวรเถร(ด้วง) ครองวัดราชสิทธารามอยู่ประมาณ ๔ ปี ทางวัดประยูรวงศ์เกิดเหตุการณ์บางอย่าง เนื่องจากพระญาณไตรโลก(ขำ) ได้มรณภาพลง ผู้สร้างวัดทั้งสองท่านไม่อาจตกลง เรื่องผู้ที่จะมาเป็นเจ้าอาวาสได้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯให้อาราธนานิมนต์ พระญาณสังวร(ด้วง) เจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม ผู้เป็นศิษย์ สมเด็จพระสังฆราช ไก่เถื่อน ไประงับเหตุ และให้ไปครองวัดประยูรวงศ์ เป็นครั้งที่ ๒ พร้อมทั้งดูแลวัดราชสิทธาราม อีกด้วย  
             
              

    อ่านต่อ  >> คลิ๊ก <<

     

     

    เเสดงความคิดเห็น

    บทความที่เกี่ยวข้อง

    thumbnail
    พระครูสิทธิสังวร ( หลวงพ่อวีระ ...

    พระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ ศิษย์ไก่เถื่อน )วิทยฐานะ น.ธ.เอก ป.ว.ช วัดราชสิทธาราม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพ ๑๐๖๐๐

    thumbnail
    พระครูปัญญาวุธคุณ หลวงพ่อสำอางค์

    พระครูปัญญาวุธคุณ มีนามเดิมว่า สำอางค์ เกิดวันพฤหัสบดี แรม ๑ ค่ำ เดือนอ้าย ตรงกับวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ บิดาชื่อนายผัน มารดาชื่อ นางปลื้ม สุขมีทร

    thumbnail
    พระครูญาณสิทธิ หลวงปู่เชื้อ

    พระครูญาณสิทธิ (เชื้อ) มีนามเดิมว่า เชย นามสกุล จันทน์ปราณีต และเปลี่ยนเป็น เชื้อ จันทน์ปราณีต ขณะเมื่อเป็นพระถานานุกรม ของพระสังวรานุวงศ์เถร(ชุ่ม)พระ

    thumbnail
    พระครูสังวรสมาธิวัตร หลวงปู่แป๊ะ

    พระครูสังวรสมาธิวัตร มีนามเดิมว่า แป๊ะ สีเนื้อขาว สันฐานสันทัด ตำหนิใฝ่ ที่ริมฝีปากบนข้างซ้าย อาชีพกสิกรรม บิดาชื่อนายจิ๋ว มารดาชื่อนางฉิม เกิดเมื่อ